top of page

บทความ

ความรู้ ข่าวสาร ที่นักธุรกิจต้องรู้

ส่งตรงจากจีน

เพิ่มขึ้นโหดมาก ลูกค้า JD.com โตอีก 25% ในไตรมาสแรกของปี 2020


หนึ่งในแพลตฟอร์ม e-commerce ของประเทศจีนที่ใหญ่สุด ๆ และกำลังได้รับความนิยมไปทั่วโลกก็คือ JD.com ซึ่งในเว็บไซต์นี้จะมีสินค้าประเภทต่าง ๆ วางขายเยอะมากให้ลูกค้าได้เลือกซื้อกันอย่างจุใจ เรียกว่าถ้ารองจาก Alibaba ก็คงมี JD.com นี่แหละกำลังทำตลาดได้อย่างสุดมัน

ซึ่งความน่าสนใจในครั้งนี้ก็คือ มีการเปิดเผยรายละเอียดในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2020 ออกมาแล้ว แม้จะเป็นไปตามคาดกับที่หลาย ๆ คนมองคือ การซื้อ-ขายผ่านช่องทางออนไลน์เติบโตขึ้นเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่สิ่งที่มันเกินคาดก็คือ JD.com มียอดของผู้ใช้บริการที่สมัครเป็นสมาชิกเพิ่มขึ้นถึง 25% รวมทั้งหมด 387 ล้านคน

เรื่องนี้น่าสนใจและอยากเล่าให้ฟังถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป ช่องทางการตลาดออนไลน์ การซื้อ-ขายสินค้าออนไลน์ที่สายป่านยาวเลยได้เปรียบ

รายได้ดี สมาชิกเพิ่มขึ้นเกือบครึ่งเท่าตัว

ผลรายได้สุทธิของ JD.com ในช่วงไตรมาส 1 ของปี 2020 มีรายงานออกมาแล้วอยู่ที่ 146.2 ล้านหยวน หรือราว ๆ 120.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ถือว่าเพิ่มขึ้นจากช่วงไตรมาส 1 ของปี 2019 ถึง 20.7% (เป็นผลประกอบการคร่าว ๆ ที่ยังไม่ได้ผ่านการตรวจสอบชัดเจน) นอกจากรายได้ที่เพิ่มขึ้น จำนวนสมาชิกที่สมัครกับ JD.com ก็เพิ่มอีก 24.8% จนทำให้ตอนนี้พวกเขามีสมาชิกมากถึง 387.4 ล้านราย


เทียบมูลค่าจากส่วนต่าง ๆ ของ JD.com ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2020



มีการแบ่งแยกรายได้ต่าง ๆ ของ JD.com เอาไว้อย่างน่าสนใจ ซึ่งการแบ่งรายได้ดังกล่าวนั้นช่วยให้มองเห็นภาพได้ชัดเจนมากขึ้นว่าตอนนี้แนวทางการดำเนินธุรกิจควรมุ่งเน้นไปในเรื่องใดเป็นหลัก

รายได้สุทธิจากการขายผลิตภัณฑ์ประเภทสินค้าทั่วไปไตรมาส 1 ปี 2020 อยู่ที่ 52.5 พันล้านหยวน (ราว ๆ 7.4 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ) เพิ่มขึ้นจากช่วงไตรมาส 1 ของปี 2019 ถึง 38.2% ขณะที่รายได้จากผลิตภัณฑ์ด้านบริการของไตรมาส 1 ปี 2020 อยู่ที่ 16.1 พันล้านหยวน (ราว ๆ 2.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) เพิ่มขึ้น 29.6% จากช่วงไตรมาส 1 ของปี 2019


รายได้จากการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 1 ปี 2020 อยู่ที่ 2.3 พันล้านหยวน (ราว ๆ 0.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ซึงเทียบกับปีที่แล้วในช่วงเวลาเดียวกันเพียง 1.2 พันล้านหยวน ถือว่าโตขึ้นอีกเป็นเกือบเท่าตัว

มากันที่รายได้แบบ Non-GAAP หรือรายได้สุทธิที่ไม่ได้คำนวณตามหลักของบัญชีทั่วไป ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2020 อยู่ที่ 3.3 พันล้านหยวน (ราว ๆ 0.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) โดยมีส่วนต่างอยู่ที่ 2.2% เมื่อเทียบกับรายได้ประเภทเดียวกันของไตรมาส 1 ปี 2019 (2.0 พันล้านหยวน) อยู่ที่ 1.6%


รายได้สุทธิของผู้ถือหุ้นสามัญไตรมาส 1 ปี 2020 อยู่ที่ 1.1 พันล้านหยวน (0.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) แต่ปีที่แล้วในช่วงเวลาเดียวกันอยู่ราว ๆ 7.3 พันล้านหยวน รายได้สุทธิ Non-GAAP ที่เป็นของผู้ถือหุ้นสามัญช่วงไตรมาส 1 ปี 2020 อยู่ที่ 3.0 พันล้านหยวน (0.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) แต่เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วคือ 3.3 พันล้านหยวน ต่ำกว่าเดิมนิดหน่อย


กำไรสุทธิลดลงต่อการลงโฆษณาช่วงไตรมาส 1 ปี 2020 อยู่ที่ 0.72 หยวน เทียบกับ 4.96 ในไตรมาส 1 ปี 2019 ขณะที่รายได้ Non-GAAP ต่อโฆษณาก็ปรับลดลงที่ 1.98 หยวน เมื่อเทียบกับ 2.23 หยวน ของปีที่แล้ว


การใช้งานของลูกค้าเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม

ขณะที่บัญชีลูกค้าที่สมัครเข้าใช้งานประจำปีเพิ่มขึ้นถึง 24.8% เป็นจำนวน 387.4 ล้านรายในช่วงระยะเวลา 12 เดือน นับจนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2020 ที่ผ่านมา ซึ่งเดิมมีแค่ 310.5 ล้านรายเท่านั้น ตอนที่นับครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2019 โดยผู้ใช้งานผ่านมือถือเป็นประจำนับจากเดือนมีนาคม 2020 เพิ่มขึ้น 46% เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม ปี 2019


สรุปแนวคิด

ก่อนอื่นต้องยอมรับว่าแนวทางของ JD.com มีการพัฒนามาอย่างถูกต้องได้ระยะใหญ่ ๆ แล้ว จนพวกเขากลายมาเป็นตลาด e-commerce อันดับ 2 ของประเทศจีนที่มีรายได้จากการขายปลีกทั่วโลกสูงสุด นั่นแสดงให้เห็นว่ายิ่งเข้าสู่ช่วงสถานการณ์ที่ผู้คนไม่สามารถออกไปจับจ่ายซื้อของภายนอกบ้านได้ โอกาสของพวกเขาก็มาถึงทันที แม้รายได้บางตัวอาจปรับลดลงแต่ก็เป็นเรื่องปกติ

อยากให้ดูที่จำนวนของสมาชิกที่มีบัญชีใช้งาน จากยอดที่เพิ่มขึ้นเกือบ ๆ 25% ภายในระยะเวลา 1 ปี ไม่ใช่เรื่องง่าย แสดงให้เห็นว่าพฤติกรรมของลูกค้าเปลี่ยนไปชัดเจน ประกอบกับเมื่อไม่สามารถซื้อตามห้างร้านได้อย่างปกติ การซื้อของผ่านออนไลน์จึงเป็นเรื่องที่เหมาะสมสุด ๆ


ในส่วนของรายได้และกำไรจากการโฆษณาที่ลดลง อันนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะสถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้หลาย ๆ บริษัทไม่สามารถนำเงินมาลงทุนได้ชั่วคราว ยอดโฆษณาของลูกค้ากลุ่มบริษัทเหล่านี้จึงลดลง แต่ลูกค้ากลุ่มบุคคลที่ยังคงต้องใช้สิ่งของต่าง ๆ กลับเพิ่มมากขึ้น เพราะหลักการคิดที่จะซื้อหรือลงทุนต่างกันนั่นเอง

ย้อนกลับมามองในเมืองไทย ก็ยังคงยืนยันว่าเวลานี้ธุรกิจออนไลน์กำลังเกิด ถ้าหากใครสามารถจับทิศทางของพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนได้ตอนนี้ โอกาสจะเติบโตแบบยั่งยืนมีสูงมาก

ที่มา : Chinainternetwatch =========================================

#คิดถึงการตลาดจีน#คิดถึงการตลาดจีน คิดถึง Level Up Thailand# ต้องการตรวจความพร้อมก่อนบุกตลาดจีน สามารถอ่านบทความ “ตรวจความพร้อมก่อนไปตลาดจีน” ได้ที่ https://www.levelupthailand.com/single-post/chinamarketing-checklist-full หรือ

อยากทราบภาพรวมของการตลาดออนไลน์จีนสามารถอ่านบทความ “บุกตลาดจีนด้วยการตลาดออนไลน์จีน” ได้ที่ https://www.levelupthailand.com/single-post/การตลาดออนไลน์จีน

ต้องการคำปรึกษาหรือดูบริการแพ็คเกจบริการการตลาดจีนเริ่มต้นได้ที่ www.levelupthailand.com/sme2 ทั้งนี้ถ้าต้องการให้เราเขียนเพิ่มเติมด้านไหนสามารถ Comment มาได้เลยนะครับ

Basic Chinese Knowledge

Chinese Tourism

Kol influencer

China social media & online marketing

China ecommerce

บทความแนะนำ

บริการของเรา

bottom of page