top of page

บทความ

ความรู้ ข่าวสาร ที่นักธุรกิจต้องรู้

ส่งตรงจากจีน

เมิ่งฉางจวิน กระต่ายดีต้องมีสามรัง สูตรลดความเสี่ยงในการลงทุน

มีคำพังเพยโบราณของจีน กล่าวว่า “กระต่ายดีต้องมีสามรัง” ซึ่งคำกล่าวนี้ หมายถึง การจะทำอะไรต้องมีช่องทางสำรองเตรียมเผื่อไว้อย่างน้อยสามแห่ง เพื่อลดความเสี่ยง


แม้ว่าจะเป็นแนวคิดเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่สามพันกว่าปีของจีน แต่ก็ยังใช้ได้ดีเสมอ

คำกล่าวนี้มีที่มาจาก เรื่องราวของเมิ่งฉางจวิน ขุนนางใหญ่ของรัฐฉี ซึ่งประเทศจีนเวลานั้นอยู่ในยุคของ สงครามรณรัฐ หรือที่เรียกว่า สมัย ชุนชิว-จ้านกว๋อ เมื่อประมาณสามพันกว่าปีก่อน


แผ่นดินจีนเวลานั้นอยู่ในการปกครองของราชวงศ์โจว แต่ก็เสื่อมอำนาจลงมาเรื่อยๆ ทำให้แผ่นดินถูกแบ่งแยกออกเป็นหลายแคว้นน้อยใหญ่ ทำสงครามแย่งชิงอำนาจกันหลายร้อยปี ชีวิตผู้คนจึงอยู่ในความเสี่ยงสูง แต่ก็ทำให้เกิด นักคิด นักปราชญ์ นักการทหาร ผู้นำ ที่เก่งกาจขึ้นมาแสดงฝีมือมากมาย


เมิ่งฉางจวิน เป็นขุนนางใหญ่ของรัฐฉีซึ่งเป็นอดีตมหาอำนาจ เขาเป็นขุนนางที่มีฐานะร่ำรวย ใจคอกว้างขวาง ชื่นชอบคนเก่งมีความสามารถ คบหาผู้คนมากมายหลายระดับชั้น เขาชอบเปิดบ้านหลังใหญ่ของเขาให้เป็นที่รับรองของผู้คนและขกเหรื่อที่มาจากทุกสารทิศ แล้วยังดูแลคนเหล่านี้เต็มที่ กล่าวกันว่ามีแขกมาอาศัยอยู่บ้านของเขามากกว่า 3,000 คน


วันหนึ่ง มีชายผู้ที่ชื่อว่า เฝิงเซวียน ได้มาขอพักพิงด้วย เมิ่งฉางจวินชอบคนมีความสามารถจึงสอบถามถึงเรื่องของเขาว่ามีความสามารถอย่างไร แต่เฝิงเซวียนกลับตอบว่า ตนไม่มีความสามารถใดที่โดดเด่น แต่หากเมิ่งฉางจวินให้เขาพักพิง ดูแลเขา สักวันเขาจะช่วยตอบแทนให้ ซึ่งเมิ่งฉางจวินก็รู้สึกว่าการจะรับดูแลอีกสักคนก็ไม่เห็นเป็นไร จึงได้ให้การต้อนรับอีกฝ่ายด้วยดี


ในบรรดาคนที่มาขออยู่ที่บ้านของเมิ่งฉางจวินนั้น เฝิงเซวียนเป็นคนที่แทบจะไม่ได้ทำประโยชน์อะไรให้เลย ครั้งหนึ่งเมิ่งฉางจวินจึงมอบงานให้เฝิงเซวียนเดินทางไปเมืองเซวีย เพื่อเก็บค่าเช่าที่จากบรรดาชาวบ้านที่เป็นลูกหนี้ของเขา และได้เช่าที่ดินของเขาทำนาอยู่ แล้วยังบอกว่าหากที่บ้านนี้ขาดของสิ่งใดก็ให้ซื้อกลับมาด้วย


ปรากฏว่า เฝิงเซวียนเอาเงินที่เก็บมาได้คืนให้กับชาวนาเหล่านั้น แล้วยังประกาศว่าเมิ่งฉางจวินยกหนี้ให้ทุกครัวเรือน แล้วยังเผาบัญชีหนี้สินของชาวบ้านทั้งหมดด้วย ทำให้ผู้คนกล่าวยกย่องสรรเสริญความใจดีของเมิ่งฉางจวินกันมาก


เมื่อเฝิงเซวียนกลับมา เมิ่งฉางจวินถามกลับว่าได้ซื้ออะไรกลับมาบ้าง เฝิงเซวียนจึงตอบว่า

ที่บ้านของท่านเมิ่งมีครบทุกอย่าง ขาดก็แต่ความเมตตาธรรม เขาจึงได้ซื้อสิ่งนี้กลับมาให้ แล้วรายงานเรื่องราวให้ทราบ เมิ่งฉางจวินไม่พอใจนัก แต่ก็ถือว่าตนเป็นวิญญูชน จึงเก็บอารมณ์ไว้ ไม่ได้ขับไล่อีกฝ่ายออกไป


ต่อมา เกิดเหตุการณ์พลิกผันในรัฐฉี เมื่อฉีอ๋องคนใหม่ขึ้นครองบัลลังก์ แล้วเห็นว่าไม่ควรใช้งานขุนนางใหญ่ของบิดา เมิ่งฉางจวินจึงโดนขับออกจากตำแหน่งในราชการทั้งหมด เขาแทบหมดสิ้นทุกอย่าง บรรดาแขกเหรื่อที่เคยมาพึ่งพิงก็พากันหนีหายไป เหลืออยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น


เมิ่งฉางจวินต้องซัดเซเดินทางไปเมืองเซวีย แต่มาได้ถึงครึ่งทาง เขาก็พบว่าชาวเมืองเซวียพากันออกมาแห่ต้อนรับเขาอย่างดี แล้วพากันสรรเสริญคุณความดีของเขาที่ยอมยกหนี้สินให้กันมาก เมืองเซวียกลายเป็นที่พำนักในยามยากให้กับเมิ่งฉางจวิน เขารู้สึกซาบซึ้งนัก จึงเรียกเฝิงเซวียนมาขอบคุณ แต่เฝิงเซวียนก็กล่าวว่า “นายท่านยังวางใจไม่ได้ โบราณกล่าวไว้ว่า กระต่ายเจ้าเล่ห์ต้องมีสามโพรง จึงรักษาชีวิตไว้ได้ ขณะนี้ท่านยังมีแค่โพรงเดียว ขอให้ข้าได้หาโพรงให้ท่านอีกสักสองแห่งเถิด” แล้วเฝิงเซวียนก็ขอเบิกทองคำเพื่อไปดำเนินการให้ คราวนี้เมิ่งฉางจวินจึงยอมอนุมัติ เฝิงเซวียนก็นำทองคำขึ้นรถม้าแล้วเดินทางจากไป


หากเป็นตามปกติ ผู้คนคงคิดว่าเฝิงเซวียนคงเชิดทองคำหายไปแน่ แต่ปรากฏว่าเขาได้นำทองคำไปใช้เพื่อสร้างรากฐานให้เมิงฉางจวินจริงๆ โดยเฝิงเซวียนเริ่มจากเดินทางไปยังแคว้นเว่ย ใช้ทองคำติดสินบนขุนนางเพื่อให้เข้าเฝ้าเว่ยอ๋อง แล้วกราบทูลว่า เมิ่งฉางจวินโดนปลดจากตำแหน่งในแคว้นฉีแล้ว หากเจ้าแคว้นองค์ใดได้ตัวเมิ่งฉางจวินไปร่วมงาน บ้านเมืองจะเข้มแข็งขึ้นได้ เว่ยอ๋องเชื่อตามนั้น จึงส่งคงมาหาเมิ่งฉางจวินแล้วนำทรัพย์สินเงินทองมาด้วยเพื่อช่วนเมิ่งฉางจวินมาทำงานให้


แต่เมิ่งฉางจวินนั้นจะอย่างไรก็เป็นอดีตขุนนางของรัฐฉี ที่จริงเขาไม่ต้องการย้ายไปแคว้นอื่น ซึ่งเฝิงเซวียนก็ตามข้อนี้ เขาจึงแนะนำให้เมิ่งฉางจวินปฏิเสธเว่ยอ๋องถึงสามครั้ง แล้วเฝิงเซวียนก็นำข่าวนี้ไปปล่อยในเมืองหลวงของรัฐฉี เมื่อฉีอ๋องทราบข่าวว่ามีคนมาชวนเมิ่งฉางจวิน ก็เกิดความเสียดายและเกรงว่าคนมีฝีมือจะไปทำงานให้รัฐอื่น จึงรีบส่งคนมาชวนเมิ่งฉางจวินกลับคืนรัฐฉี


แต่นี่ก็ยังไม่พอ เฝิงเซวียนเสนอให้เมิ่งฉางจวินกราบทูลขอต่อฉีอ๋องให้ พระราชทานสร้างศาลบรรพบุรุษให้เมิ่งฉางจวินที่เมืองเซวีย เสร็จแล้วก็ต้องส่งทหารมาคุ้มครองศาลนี้ด้วย


เมื่อสร้างศาลเสร็จสิ้น เฝิงเซวียนจึงกล่าวกับเมิ่งฉางจวินว่า “ณ เวลานี้ โพรงทั้งสามได้สร้างเสร็จแล้ว นายท่านสามารถนอนหลับอย่างเป็นสุขได้แล้ว”


คติจากเรื่องราวนี้คือ ต่อให้เป็นผู้ยิ่งใหญ่แค่ไหน ก็มีวันที่จะล้มลงมาได้ หากผิดพลาดเพียงเล็กน้อยก็อาจถึงชีวิต ดังนั้นจึงควรมีการเตรียมแผนสำรองไว้ และบางครั้งแผนหรือขุมกำลังสำรองเพียงอย่างเดียวอาจไม่พอ แต่ต้องมีถึงสาม หรือมากกว่า ก็จะช่วยประกันความมั่นคงให้ หากเกิดเหตุผิดพลาด ก็ยังมีอีกหนึ่งที่จะช่วยสนับสนุนให้อยู่รอดต่อไปได้


ซึ่งก็กลายเป็นว่า เมิ่งฉางจวินได้อาศัยรังสามโพรงนี้ในการเอาชีวิตรอดอยู่ในยุคจ้านกว๋อที่เป็นยุคสงครามมาได้ คนจีนที่ทำการค้ารู้จักเรื่องของเมิ่งฉางจวินกันมาก และก็ได้กลายเป็นสุภาษิตที่ว่า กระต่ายดีต้องมีโพรงสามโพรง (狡兔三窟 เจี่ยวทู่ซานคู)


แล้วธุรกิจหรือการลงทุนของทุกท่าน มีมากกว่าหนึ่งโพรงหรือยังครับ เพราะหากไม่ ท่านอาจจะต้องเตรียมการหาเผื่อไว้ในยามวิกฤตครับ


Basic Chinese Knowledge

Chinese Tourism

Kol influencer

China social media & online marketing

China ecommerce

บทความแนะนำ

บริการของเรา

bottom of page