ยอดขายดุมาก ร้านค้าปลอดภาษีในไหหลำสร้างยอดขายทะลุวันละ 100 ล้านหยวน พร้อมเตรียมแผนเปิดใหม่อีก 3 แห่ง
ย้อนกลับไปตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ทางการของจีนได้มีการนำนโยบายใหม่เกี่ยวกับร้านค้าปลอดภาษีบริเวณเกาะรอบนอกของประเทศมาใช้งาน และจากการสำรวจยอดขายคร่าว ๆ จนถึงช่วงปลายเดือนกันยายน ระยะเวลาประมาณ 88 วัน ยอดขายสินค้าปลอดภาษีบนเกาะไหหลำมีมูลค่าพุ่งสูงถึง 8.3 พันล้านหยวน ตรงนี้เองหากลองนำมาเฉลี่ยเป็นยอดขายสินค้าปลอดภาษีต่อวันจะตกราว ๆ 100 ล้านหยวน ซึ่งถือว่าสูงกว่าปีที่แล้วถึง 2.3 เท่า
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ร้านค้าปลอดภาษีในจีนยอดขายพุ่งสูงเกินคาด
จริง ๆ แล้วหากนับเฉพาะช่วงเวลาราว 3 เดือนที่ผ่านมาจะเห็นว่ายอดขายของร้านค้าปลอดภาษีบนเกาะไหหลำพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ส่วนหนึ่งมีปัจจัยหลาหลายประเด็น ซึ่งไม่ใช่แค่สิ้นสุดเมื่อเดือนกันยายน แต่พอเข้าสู่ต้นเดือนตุลาคม มีช่วงเวลาที่เรียกว่า “สัปดาห์ทอง” (เริ่มวันที่ 1 ตุลาคม) มีมูลค่าการซื้อขายเกิดขึ้นราว 530 ล้านหยวน (78 ล้านดอลลาร์) เป็นรายงานจาก China Central Television (CCTV) เมื่อเทียบเป็นรายปีแล้วถือว่ามีอัตราเติบโตขึ้นสูงถึง 136.9%
อัตราการเติบโตที่สูงขึ้นตั้งแต่การเริ่มเปลี่ยนแปลงกฎบางข้อและช่วงเวลาสัปดาห์ทองมีปัจจัยหลาย ๆ ประเด็นที่เข้ามาเกี่ยวข้อง เริ่มต้นจากการปรับโควตาส่วนบุคคลในการซื้อสินค้าปลอดภาษีภายในจังหวัดนั้น ๆ จากเดิมที่ได้แค่ 30,000 หยวน เพิ่มเป็น 100,000 หยวน / คน (ราว 4,200 ดอลลาร์ เป็น 14,200 ดอลลาร์) รวมถึงมีการขยายประเภทสินค้าปลอดภาษีเพิ่มจาก 38 เป็น 45 กลุ่ม นั่นส่งผลให้ทางการไหหลำคาดว่าภายในสิ้นปี 2563 ยอดรวมของร้านค้าปลอดภาษีภายในจังหวัดของพวกเขาน่าจะสูงแตะระดับ 3 หมื่นล้านหยวน (4.4 พันล้านดอลลาร์)
อีกปัจจัยหลักที่ทำให้ร้านค้าปลอดภาษีไหหลำได้รับความนิยมและมียอดขายสูงมาก ๆ เนื่องจากการถูกปิดกั้นพรมแดน และการที่นักท่องเที่ยวไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ ปกติแล้วชาวจีนจะนิยมเดินทางไปท่องเที่ยวพร้อมทั้งซื้อสินค้าปลอดภาษีทางฝั่งเกาะฮ่องกง และเกาหลีใต้ แต่ด้วยการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ต้องเปลี่ยนแผนไปพักผ่อนกันบนรีสอร์ทบนเกาะไหหลำแทน ด้านสินค้าที่ได้รับความนิยมมากสุดในการซื้อขายครั้งนี้ประกอบไปด้วย โทรศัพท์มือถือ, เครื่องสำอาง และนาฬิกา
ไม่ใช่แค่เรื่องยอดขายแต่ยังพัฒนาพื้นที่ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น
จากจุดหมายปลายทางเดิมของนักท่องเที่ยวชาวจีนที่จะเดินทางไปยังต่างประเทศ ทว่าเมื่อมีปัญหา ไม่สามารถทำตามแบบที่คุ้นเคยได้ ก็ต้องอาศัยการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และเกาะไหหลำจึงกลายเป็นอีกแลนด์มาร์คดี ๆ ที่คนจำนวนมากนิยมเดินทางไปพักผ่อน บวกกับการมีนโยบายสินค้าปลอดภาษีนี้ไม่ใช่แค่เรื่องรายได้เท่านั้น แต่ยังเปลี่ยนให้เกาะไหหลำกลายเป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวและการบริโภคระหว่างประเทศ ช่วยทำให้เกิดท่าเรือการค้าเสรีของเกาะขึ้นมาอีกด้วย
ปัจจุบันมีร้านค้าปลอดภาษีทั้งหมด 4 แห่งบนเกาะไหหลำ 2 แห่งตั้งอยู่ในตัวเมืองหลวงคือ Haikou ขณะที่อีก 2 แห่งตั้งอยู่บริเวณ Sanya และ เมืองท่าอย่าง Boao จากการที่ยอดขายสูงเป็นประวัติการณ์มากขนาดนี้จึงทำให้มีการประกาศออกมาว่าภายในสิ้นปี 2020 จะมีการเปิดร้านค้าปลอดภาษีแห่งใหม่เพิ่มขึ้นอีก 3 สาขาในเมือง Sanya
รัฐบาลจีนปรับกลยุทธ์รับมือปัญหาโรคระบาด
ด้วยการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้รัฐบาลจีนเองต้องปรับกลยุทธ์และดำเนินแผนการส่งเสริมนโยบายการท่องเที่ยวภายในประเทศโดยมุ่งเน้นไปยังเกาะไหหลำ โดยสาเหตุหลักที่ระบุว่าจะมีการเปิดร้านค้าปลอดภาษีเพิ่มเติมอีก 3 แห่งภายในสิ้นปีนี้เพราะจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นและมีความต้องการสินค้าปลอดภาษีสูงขึ้น ซึ่งร้านใหม่ทั้ง 3 สาขานี้จะตั้งอยู่บริเวณเมืองตากอากาศอย่าง Sanya โดย 1 ในนั้นจะเปิดบริเวณสนามบินและอีก 2 แห่งจะเปิดที่เขตชานเมือง
พลิกวิกฤติเป็นโอกาสอย่างแท้จริง
แม้จะบอกว่าปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ร้านค้าปลอดภาษีบนเกาะไหหลำมียอดขายสูงขึ้นมาจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ไปใช้บริการมากกว่าปกติ แต่ถ้ามองย้อนกลับไปจะเห็นว่าจริง ๆ แล้วมันคือการเปลี่ยนวิกฤติที่นักท่องเที่ยวชาวจีนไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ให้เดินทางภายในประเทศแทน มีการปรับโครงสร้างรายบุคคลให้สามารถซื้อสินค้าปลอดภาษีได้มากขึ้น ทั้งหมดนี้ช่วยให้ประเทศจีนเกิดผลกระทบในด้านเศรษฐกิจน้อยมากเมื่อเทียบกับหลาย ๆ ประเทศที่เผชิญปัญหาโรคระบาดเหมือน ๆ กัน อีกทั้งยังสร้างสิ่งดี ๆ นอกเหนือจากการขายสินค้าปลอดภาษีได้อีกด้วย
Комментарии