จีนแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 รัฐบาลเลือกเปิดเผยข้อมูลให้ประชาชน
จีนแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่ปักกิ่งได้อย่างไร มาลองย้อนรอยเส้นทางการแก้ปัญหา อย่างจริงจังของจีน ในช่วงหลายปีมานี้ดูครับ
แม้ว่าเมื่อปี 2019 ที่ผ่านมา จะพบว่าปริมาณฝุ่นกลับมาสูงขึ้นอีกครั้ง แต่จีนก็ยังคงมองเรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติอันดับต้นๆ
ก่อนหน้านี้ เคยมีการรายงานเกี่ยวกับความสำเร็จขั้นแรกของจีนด้านการแก้ปัญหามลภาวะเป็นพิษทางอากาศ โดยความสำเร็จดังกล่าวคือการฟื้นฟูสภาพอากาศและท้องฟ้าของกรุงปักกิ่งซึ่งเคยประสบปัญหาเรื้อรังมานานหลายสิบปี ให้กลับมามีท้องฟ้าที่เริ่มโปร่งขึ้นอีกครั้ง
แม้ว่ามหานครเซี่ยงไฮ้ เมืองสำคัญของจีนจะขึ้นมาติดอันดับ 8-9 ของเมืองที่มีมลภาวะทางอากาศและฝุ่นควันมากที่สุดในโลก แต่สถานการณ์ที่ปักกิ่งก็ดีขึ้นมาก ดังนั้นมาลองดูว่าทำไมปักกิ่งถึงทำได้สำเร็จ แล้วมีปัจจัยเสริมกับวิธีการอย่างไรบ้าง

ปัญหาฝุ่นละอองทางเหนือของจีน
ตามรายงานการวิจัยที่เคยมีการประกาศออกมาในปี 2014 ระบุแหล่งที่มาหลักของฝุ่นละออง PM2.5 ที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดมลภาวะในกรุงปักกิ่งว่ามาจาก
· ไอเสียรถยนต์
· การเผาถ่านหิน
· โรงงานในภาคอุตสาหกรรม
· ฝุ่นละออง
นอกจากนี้ อ้างอิงจากข้อมูลจากกรมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมกรุงปักกิ่ง ระบุว่า ระดับความเข้มข้นของฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ณ กรุงปักกิ่ง มีค่าเฉลี่ยสูงถึงกว่า 350 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (µg/m3) ต่อปี ซึ่งถือว่าเป็นเกณฑ์ที่สูงกว่าระดับความปลอดภัยที่ถูกกำหนดไว้โดยองค์การอนามัยโลก
ดังนั้นโครงการต่าง ๆ เพื่อหาทางลดฝุ่นละอองลง จึงริเริ่มขึ้น โดยมุ่งไปที่การแก้ปัญหาทั้งแบบระยะสั้นและระยะยาว

บังคับใช้กฎหมาย
ทางกรุงปักกิ่งได้มีการเริ่มใช้กฎหมาย ว่าด้วยภาษีการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2018
โดยกฎหมายดังกล่าว ได้มีการประกาศใช้ให้กับมณฑลต่าง ๆ ของจีน สำหรับประกาศให้เป็นมาตรฐานในการเก็บภาษีดังกล่าว
สำหรับกรุงปักกิ่งและมณฑลข้างเคียง ก็มีการกำหนดอัตราภาษีในระดับที่สูง โดยปักกิ่งกำหนดให้เก็บภาษีการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในอัตรา 12 หยวนต่อหน่วย ของการปล่อยมลพิษทางอากาศ และอัตรา 14 หยวนต่อหน่วย สำหรับมลพิษทางน้ำ

เปิดเผยข้อมูลต่อประชาชน ดันให้เป็นวาระแห่งชาติ
เป็นกลยุทธ์ทางจิตวิทยา คือแทนที่จะปกปิดข้อมูลเรื่อง ฝุ่น PM 2.5 แต่รัฐบาลจีนเลือกที่จะเปิดเผยข้อมูลทุกอย่างที่จำเป็น เพื่อให้ประชาชนเกิดความตื่นตัว และเป็นการปลูกฝังจิตสำนึกไปในตัวว่า เราต้องเสียสละเพื่อแก้ปัญหาเรื่องนี้พร้อมกัน
ไม่เพียงแต่จะได้ผลที่ดี แต่ทำให้คนจีนหันมาจริงจังมากขึ้น ทั้งในด้านการดูแลตนเอง สวมหน้ากากเพื่อป้องกันฝุ่น การช่วยกันสอดส่องดูว่ามีการเผาขยะที่จะส่งผลกระทบหรือไม่ หรือการใช้รถยนต์ที่มีควันดำมากก็จะถูกรายงานทันที

สั่งปิดโรงงานทางเหนือ
เนื่องจากก่อนหน้านี้เราอาจจะเคยเห็นการแชร์รูปภาพท้องฟ้าเหนือกรุงปักกิ่งที่มีลักษณะของหมอกควันที่เต็มไปด้วยฝุ่นละอองปกคลุมอยู่ตลอด โดยเฉพาะในช่วงหน้าหนาว ซึ่งถ้าเป็นคนที่เคยเดินทางไปปักกิ่งในช่วง 4-5 ปีหลังจะพบปัญหานี้
สำหรับสาเหตุหลักนั้น เชื่อว่ามาจากการก่อมลภาวะของโรงงานจำนวนมากที่ตั้งเรียงรายอยู่ทางภาคเหนือ และเป็นปัญหาที่เรื้อรังสะสมมานาน
เพื่อแก้ปัญหานี้ ที่ผ่านมาทางรัฐบาลจีนจึงได้มีการสั่งปิดโรงงานที่ก่อให้เกิดมลพิษและไม่ผ่านเกณฑ์รวมแล้วมากกว่า 1,000 แห่ง ถือว่าเป็นเฟสแรกของโครงการ รวมถึงสั่งให้ปิดโรงงานอุตสาหกรรมในบางประเภทที่จีนเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ หันมานำเข้าแทน เพื่อลดปัญหามลภาวะ
นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งให้โรงงานต่าง ๆ หันมาใช้แผงโซลาร์เซลล์ เพื่อรับพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งทางการจีนเล็งเห็นว่าเป็นอนาคตของพลังงานแบบทางเลือกจากธรรมชาติ
ปลูกป่าเพิ่มเติมครั้งใหญ่
จีนได้ริเริ่มโครงการปลูกป่า ซึ่งเรียกว่าการสร้าง “กำแพงเมืองจีนสีเขียว” เพื่อแก้ไขปัญหาในระยะยาว ซึ่งทางสหประชาชาติเรียกว่า สงครามปลูกป่าครั้งใหญ่ที่สุดในโลก
สำหรับป่าที่ถูกสร้างในจีนนั้นครอบคลุมพื้นที่กว่า 70,000 ตร.กม. มีอาณาเขตกว้างใหญ่กว่าประเทศฝรั่งเศส และในยังวางแผนจะปลูกเพิ่มอีกทางเหนือของกรุงปักกิ่งประมาณ 84,000 ตร.กม.
มีการวิจัยพบว่า การปลูกป่าอาจช่วยขจัดสารก่อมลพิษทางอากาศ ไม่ว่าจะเป็นสารไนตริกออกไซด์ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ รวมไปถึง PM2.5 เพราะใบไม้มีคุณสมบัติเป็นเหมือนฟิลเตอร์ที่สามารถช่วยกรองอากาศได้
อย่างไรก็ตาม การปลูกต้นไม้ครั้งใหญ่อาจกลายเป็นส่วนที่บังลมไว้ ทำให้ฝุ่นควันไม่กระจายออกไป ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาก่อนที่จะทำให้สภาพในปักกิ่งมีฝุ่นที่ลดลงมาจากเดิม เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ตาม การปลูกป่าก็เป็นเรื่องที่จำเป็นต้องทำในท้ายที่สุด

กระจายธุรกิจออกจากปักกิ่ง
อีกหนึ่งหนทางในการแก้ไขปัญหามลพิษดังกล่าว คือการกระจายสาขาธุรกิจที่เห็นว่าจำเป็นต้องพึ่งพาบทบาทของเมืองหลวงปักกิ่ง (Non-capital functions)
ตัวอย่างเช่น ตลาดขายส่งเสื้อผ้า ผักและผลไม้ โรงงานถ่านหิน จัดการถ่านหินด้อยคุณภาพในเขตชนบท ไปจนถึงมีคำสั่งโอนย้ายและสั่งปิดบริษัทและโรงงานที่ก่อให้เกิดมลพิษและไม่ผ่านเกณฑ์ รวมแล้วกว่า 1,000 แห่ง ตามเป้าหมายในเฟสแรก
สำหรับในภาพรวมแล้ว จีนมีเป้าหมายในเฟสต่อไปคือต้องการลดความเข้มข้นของ PM2.5 ให้ต่ำลงกว่าเฉลี่ย 56µg/m3 ต่อปี
=========================================
#คิดถึงการตลาดจีน#คิดถึงการตลาดจีน คิดถึง Level Up Thailand#
ต้องการตรวจความพร้อมก่อนบุกตลาดจีน สามารถอ่านบทความ
“ตรวจความพร้อมก่อนไปตลาดจีน” ได้ที่
หรือ อยากทราบภาพรวมของการตลาดออนไลน์จีนสามารถอ่านบทความ
“บุกตลาดจีนด้วยการตลาดออนไลน์จีน” ได้ที่
ต้องการคำปรึกษาหรือดูบริการแพ็คเกจบริการการตลาดจีนเริ่มต้นได้ที่
ทั้งนี้ถ้าต้องการให้เราเขียนเพิ่มเติมด้านไหนสามารถ Comment มาได้เลยนะครับ
コメント