ด่วน!! Ctrip Group เทคโอเวอร์ Oriental Huirong พร้อมรับใบอนุญาตตัวกลางการชำระเงิน
เมื่อเร็ว ๆ นี้ Ctrip Group ได้ทำการเข้าถือหุ้น 100% ของ Shanghai Oriental Huirong Information Technology Service Co., Ltd. (ต่อไปนี้เรียกว่า "Oriental Huirong") และใบอนุญาตของพวกเขาผ่านการอนุมัติอย่างเป็นทางการจากธนาคารกลางจีน นั่นหมายความว่า Ctrip Group ได้รับใบอนุญาตตัวกลางการชำระเงินจากธนาคารกลางอย่างเป็นทางการ ด้วยความที่พวกเขาได้เข้าเทคโอเวอร์กิจการดังกล่าวทั้งหมด
เรื่องนี้มีความน่าสนใจเกี่ยวกับผลกระทบที่เกิดขึ้นซึ่งกลุ่มธุรกิจการท่องเที่ยวได้รับผลไปเต็ม ๆ นั่นจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องวางแผนและพิจารณาอย่างเหมาะสมว่าควรเลือกดำเนินการอย่างไรต่อไป ลองมาติดตามเนื้อหาดี ๆ เหล่านี้ไปพร้อมกันได้เลย
ข้อสรุปโดยความร่วมมือที่เกิดขึ้นของการเทคโอเวอร์
เกี่ยวกับข้อสรุปของการทำธุรกรรมนี้ Oriental Fusion เชื่อว่า การเข้าจับมือของกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้ง 2 แห่ง ไม่ใช่แค่เรื่องของการปฏิรูปและปรับโครงสร้างทางรัฐวิสาหกิจเท่านั้น แต่ยังแสดงออกถึงความพยายามเพื่อหวังให้เกิดประโยชน์สูงสุดจากการกระตุ้นทรัพยากรทางการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังส่งผลให้ Oriental Fusion เหมือนได้เกิดใหม่อีกครั้งในแวดวงของธุรกิจการท่องเที่ยว
Ctrip Group ได้มีการออกมาเปิดเผยว่า จากสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน (การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19) ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไปทั่วโลก ซึ่งต้องยอมรับว่าหนักหน่วงในแบบที่ไม่เคยเจอมาก่อน พวกเขาเองจึงหวังว่าการได้มีโอกาสจับมือกับ Oriental Huirong เพื่อปรับปรุงและพัฒนาความสะดวกสบายในการชำระเงินให้กับแวดวงของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
อีกทั้งยังพร้อมส่งเสริมและยกระดับช่องทางการชำระเงินผ่านแอปพลิเคชันของธุรกิจท่องเที่ยวให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้นกว่าเดิม หวังตอบสนองกับสภาพเศรษฐกิจที่กำลังเกิดขึ้น พร้อมเป็นผู้ผลักดันเพื่อเร่งการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเขิงวัฒนธรรมในประเทศของพวกเขา
รู้จักกับ Oriental Fusion องค์กรของรัฐที่น่าสนใจ
จากข้อมูลทั่วไปที่ถูกเกิดเผย Oriental Fusion ก่อตั้งขึ้นในปี 2011 ในฐานะองค์กรของรัฐ มีวัตถุประสงค์ในการดำเนินงานของบุคคลตามกฎหมายอันเป็นอิสระภายใต้ระบบการดูแลของคณะกรรมการพรรค Shanghai Municipal ต่อมาในปี 2012 พวกเขาได้รับ “ใบอนุญาตประกอบธุรกิจการชำระเงิน” ที่ออกโดยธนาคารกลางจีน
บทวิเคราะห์สำคัญของคนในวงการ
มีการวิเคราะห์ของบรรดาผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในวงการหรือมีความเกี่ยวข้อง ด้วยใบอนุญาตการรับชำระเงินของ Ctrip Group ถูกรวบรวมเอาไว้เป็นจุดเดียวจึงไม่ใช่แค่เติมเต็มช่องว่างในด้านการชำระเงินให้สะดวกยิ่งขึ้นของ Ctrip Group เท่านั้น แต่ยังทำลายข้อจำกัดในการพัฒนาธุรกิจของพวกเขาโดยการยืดเวลาเพื่อรอคอยจังหวะฟื้นตัวของตลาดการท่องเที่ยวในประเทศ เป็นการรอคอยให้ธุรกิจหลับกลับมาเดินหน้าต่ออีกครั้ง
สรุปแนวคิด
จะเห็นว่าในเวลานี้กลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวต่างได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ไปแบบเต็ม ๆ ซึ่งต้องยอมรับว่าน่าจะเป็นแวดวงอุตสาหกรรมที่มียังคงย่ำแย่ลงอย่างต่อเนื่อง เพราะการปิดประเทศหรือผู้คนไม่สามารถออกไปไหนมาไหนได้ มันจึงทำให้ธุรกิจเหล่านี้ต้องโดนทอดทิ้งไปโดยปริยาย ลองมองย้อนกลับมาที่เมืองไทยง่าย ๆ ในฐานะบ้านเราเองก็เป็นเมืองท่องเที่ยว เงินตราสะพัดของมูลค่าการท่องเที่ยวในปี ๆ หนึ่งหลายพันล้านบาท เมื่อเกิดวิกฤติดังกล่าวมันก็ปฏิเสธไม่ได้เหมือนกันว่าผลกระทบนี้ส่งผลไปทั่วทุกหัวระแหงที่มีความเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยว เช่น บริษัททัวร์, โรงแรม, ร้านอาหาร, ไกด์ หรือแม้กระทั่งบรรดาคนกลางที่เปิดให้จองที่พัก จองทัวร์ จองตั๋วเครื่องบินด้วยเช่นกัน
ด้วยเหตุนี้จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Ctrip Group ต้องพยายามมองหาแนวทางที่จะยืดเวลาการทำธุรกิจท่องเที่ยวของพวกเขาให้ยังคงดำเนินการได้อยู่ ด้วยการตัดสินใจเปลี่ยนไปลงทุนกับช่องทางการชำระเงิน ตรงนี้จะเห็นว่ามีความน่าสนใจในจุดหนึ่งตรงที่แม้ปัญหาเรื่องเชื้อไวรัสที่ระบาดยังไม่สามารถทำให้ธุรกิจท่องเที่ยวกลับมาเหมือนเดิมได้ แต่พวกเขามองไปยังอนาคตข้างหน้า เมื่อตนเองกลายเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มการรับชำระเงินในอนาคตเมื่อการท่องเที่ยวกลับมาเป็นปกติ ก็จะยิ่งทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงความสะดวกสบายยิ่งขึ้น ไม่ต้องชำระผ่านคนกลางอื่น ๆ ให้ยุ่งยากอีกต่อไป เรียกว่าจองทริปที่นี่มีครบถ้วนตั้งแต่ทัวร์, โรงแรม, ตั๋วเครื่องบิน และยังใช้ระบบการชำระเงินของตนเออีกต่างหาก ถือเป็นการวางแผนธุรกิจที่เฉียบขาดและน่าสนใจสุด ๆ ว่าพวกเขาจะเติบโตขึ้นไปอีกเท่าไหร่สำหรับ Ctrip Group
