Suning จากยักษ์หลับ ผงาดสู่ค้าปลีกอันดับ 3 ของจีน
เรื่องราวการปรับตัวเพื่อแข่งขันในยุคอินเทอร์เน็ตของ Suning (ซูหนิง) ยักษ์ใหญ่ด้านค้าปลีกของจีนถือว่าเป็นหนึ่งในกรณีศึกษาที่น่าสนใจมากครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันที่ Alibaba ของแจ็คหม่า กำลังครองพื้นที่ในธุรกิจค้าปลีกออนไลน์หรือ E-Commerce ของจีนถึงกว่า 80% โดยมี Jingdong หรือ JD.com ตามมาติดๆ
Suning ยักษ์ใหญ่ด้านค้าปลีกของจีนที่เคยมีชื่อเสียงจากการเป็นผู้ให้บริการด้านเครื่องใช้ไฟฟ้า ก็ได้ผงาดขึ้นมาสู้ในตลาดนี้

สามแบรนด์ค้าปลีกจีน บุกโลก
ตามการอ้างอิงจากรายงานของ Chinainternetwatch ระบุว่า สามแบรนด์ยักษ์ใหญ่ของจีนได้พาเหรดกันติดอันดับธุรกิจค้าปลีกของโลกใน 50 อันดับแรกของครึ่งปี 2018 ได้แก่ Alibaba Jingdong และ Suning
สำหรับทั้งสามอันดับ แน่นอนว่า Alibaba ของแจ็คหมาก็ได้ผงาดขึ้นเป็นแบรนด์จากทั่วทั้งโลกที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นสูงสุดในปี 2018 ที่ผ่านมา ในรายงานระบุว่า มีมูลค่าเพิ่มขึ้นมากกว่า 42% คิดเป็นมูลค่า 150.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ นับว่าเป็นแบรนด์ที่มีการเติบโตสูงสุดของโลก
ด้านการเติบโตของผู้ให้บริการด้าน E-Commerce จากทั่วโลก ปรากฏว่า Alibaba เติบโตในระดับสูงสุดและเร็วที่สุดที่ 58% คิดเป็นมูลค่า 54.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ
อันดับ 2 ตามมาด้วย Jingdong หรือ JD.com เติบโตที่ 47% คิดเป็นมูลค่า 19.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ
แล้วที่น่าสนใจก็คือ Suning ในอันดับที่ 3 สำหรับแบรนด์จากประเทศจีน ก็ได้ผงาดขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 30 ของโลก ซึ่งนับว่าเป็นการเติบโตอย่างน่าจับตามองมาก

แล้ว Suning ทำได้อย่างไร
คำตอบคือ Smart Retail
หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญของพวกเขาก็คือ มุ่งพัฒนาในจุดแข็งที่เคยมีอยู่แล้ว นั่นคือการพัฒนาระบบค้าปลีกอัจฉริยะ หรือเรียกว่า Smart Retail แล้วใช้งานอย่างจริงจังเป็นแห่งแรกของจีน
เดิมที Suning มีจุดเริ่มต้นจากการเป็นวิสาหกิจค้าปลีกเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ แล้วได้ขยายกิจการจนกระทั่งมีสาขากระจายไปทั่วประเทศ เคยมียอดขายในด้านเครื่องใช้ไฟฟ้าสูงสุดในประเทศจีน โดยกลุ่มสินค้าหลักได้แก่ เครื่องเล่นวีดีโอ โทรทัศน์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องปรับอากาศ ต่อมาก็เข้าจับตลาดของอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ในยุค 80-90
แต่แล้วเมื่อถึงยุคของอินเทอร์เน็ต และการพัฒนาอุปกรณ์ในกลุ่มของ Smartphone Labtop Android นั่นทำให้สินค้าที่ Suning เคยครงตลอดมานานเริ่มตกยุค แม้ว่าในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าพวกเขาจะยังพอทำตลาดได้ แต่ก็มีคู่แข่งอย่าง JD.com ที่เข้ามาจับตลาดด้านนี้แล้วแย่งส่วนแบ่งไปในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา
เพื่อที่จะอยู่รอดในการแข่งขันนี้ Suning ไม่ฝืนตัวเอง พวกเขาเป็นค้าปลีกกลุ่มแรกๆที่ปรับตัวได้ทัน ท่ามกลางการล้มหายตายจากของร้านค้าปลีกในจีน ฮ่องกง และไต้หวันหลายแห่ง

ใช้ Smart Retail เข้ามาช่วยยกระดับการขาย
หากอธิบายให้ง่ายขึ้น พวกเขาเป็นค้าปลีกเจ้าแรกๆของจีนที่เริ่มการขายด้วยการให้บริการแบบไร้เงินสด ซึ่งเวลานี้กำลังเป็นกระแสไปทั่วประเทศจีนครับ โดยให้ผู้ซื้อสามารถเลือกจับจ่ายซื้อสินค้าได้ผ่านการสแกน QR Code ด้วยแอพบนมือถือ
แล้วยังไม่พอ Suning ยังขยับมาใช้การสแกนใบหน้าเป็นเจ้าแรกของจีนก่อนหน้า Alibaba ด้วย ซึ่งแม้ว่าปัจจุบัน Alibaba จะแซงหน้าในด้านนี้ไป แต่การปรับตัวของ Suning ก็ทำให้พวกเขาเป็นค้าปลีกจีนอันดับ 3 ที่ไม่ตกยุคสมัย และเริ่มยกระดับมูลค่าของแบรนด์จีนมากขึ้นในเวทีโลกขึ้นทุกขณะ

Alibaba เป็นแบ็กอัพ
การเข้ามาร่วมทุนครั้งสำคัญในปี 2017 ของ Alibaba นำโดย แจ็คหม่า เป็นมูลค่ากว่า 4.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ ยิ่งช่วยให้ Suning กลายเป็นค้าปลีกออนไลน์ที่มีแบ็คอัพหนุนเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น ในการที่จะไปต่อกรกับอันดับ 2 อย่าง JD.com ที่มีแบ็กอัพใหญ่คือ Tencent
อย่างไรก็ตาม การแข่งขันของ Suning ในระดับชาติ คงต้องรอดูและติดตามกันต่อไป
===============================================
#คิดถึงการตลาดจีน คิดถึง Level Up Thailand#
ต้องการตรวจความพร้อมก่อนบุกตลาดจีน สามารถอ่านบทความ
“ตรวจความพร้อมก่อนไปตลาดจีน” ได้ที่
หรือ อยากทราบภาพรวมของการตลาดออนไลน์จีนสามารถอ่านบทความ
“บุกตลาดจีนด้วยการตลาดออนไลน์จีน” ได้ที่
ต้องการคำปรึกษาหรือดูบริการแพ็คเกจบริการการตลาดจีนเริ่มต้นได้ที่
ทั้งนี้ถ้าต้องการให้เราเขียนเพิ่มเติมด้านไหนสามารถ Comment มาได้เลยนะครับ