top of page

บทความ

ความรู้ ข่าวสาร ที่นักธุรกิจต้องรู้

ส่งตรงจากจีน

Google กลับมาบุกตลาดจีน ร่วมลงทุนกับ JD.com มูลค่า 550 ล้านเหรียญสหรัฐ



Google กลับมาบุกตลาดจีน หรือจะเรียกได้ว่า Google Strike Back!!! ก็ยังได้ ซึ่งถือว่าครั้งนี้เป็นการกลับมาบุกตลาดจีนอีกครั้งของยักษ์ใหญ่อย่าง Google โดยเฉพาะในวันที่จีนและโลกกำลังเปลี่ยนแปลงไป

ในช่วงที่ผ่านมา สำนักข่าวหลายแห่งเริ่มเล่นข่าวเกี่ยวกับการกลับมาของ Google ในประเทศจีน

คำถามคือ มันเกิดอะไรขึ้น ทำไม Google ถึงสามารถกลับมาบุกตลาดจีนได้ หลังจากที่แทบจะไม่มีความหวังเอาเสียเลย

วันนี้เราจะมาแจกแจงกันเป็นทีละประเด็น


ตลาดใหญ่ บริษัทใหญ่เข้ายาก

ประเทศจีนในปัจจุบัน เราปฏิเสธไม่ได้ว่าได้เป็นตลาดแหล่งใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งบริษัททั่วทุกโลกต่างก็มุ่งมั่นที่จะบุกเข้ามาทำตลาดเพื่อขายสินค้าและบริการของตนให้ได้

สาเหตุสำคัญเพราะ จีนมีประชากรมากที่สุด และคนจีนยุคนี้ยังมีกำลังซื้อสูง การเติบโตของสังคมเมืองในจีนก็ขยายใหญ่ขึ้น สิ่งที่คนจีนต้องการจึงเป็นเรื่องของ Facilities และระบบสาธารณูปโภคต่างๆ หรือเรียกง่ายๆว่า มีความต้องการจับจ่ายเงินเพื่อซื้อความสะดวกสบาย ไปจนถึงสิ่งที่จะช่วยเพิ่มระดับของไลพ์สไตล์ให้กับตนเอง

แต่สถานการณ์กลับกลายเป็นว่า ยิ่งเป็นบริษัทที่มีขนาดใหญ่เท่าไร โดยเฉพาะบริษัทที่เป็นผู้นำด้าน Digital และ IT จากโลกตะวันตก กลับประสบปัญหามากในการบุกตลาดจีน ซึ่งในแง่นี้บริษัทหรือกิจการขนาดเล็กที่ทำผลิตภัณฑ์หรือบริการด้านอุปโภคและบริโภคกลับมีโอกาสมากกว่า

สำหรับสาเหตุหลักข้อหนึ่งที่ทำให้ Google บุกตลาดจีนในครั้งแรกไม่ได้ผลนั้น เป็นเพราะระบบกฎหมายและการเซนเซอร์ของรัฐบาลจีน ที่ส่งผลโดยตรงกับการเข้ามาของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Google และยังรวมถึง Facebook ด้วย เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเรื่องนี้ส่งผลอย่างมากที่ทำให้ Platform ตัวหลักของพวกเขาไม่สามารถใช้งานในประเทศจีนได้ นั่นทำให้พวกเขาต้องล่าถอยกลับไป

อีกทั้งกฎหมายเหล่านี้ก็เป็นการเอื้อให้บรรดาบริษัทเทคโนโลยีและ Start Up ในจีนได้พัฒนาแพล็คฟอร์มของตนเองขึ้นมา นี่เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ Baidu สามารถขึ้นเป็นระบบค้นหาตัวหลักในจีน ทดแทนการใช้งาน Google ได้

เมื่อมี Baidu ครองพื้นที่อยู่ รวมถึงกฎหมายการเซนเซอร์ ก็ทำให้ Google เจาะตลาดจีนไม่สำเร็จ

แต่แล้ว Google ก็ยังพยายามที่จะหาทางบุกตลาดจีนอยู่ตลอด โดยปรับเปลี่ยนรูปแบบและวิธีการที่แตกต่างออกไป


Google เปลี่ยนตลาด ร่วมลงทุนกับ JD.com

จากที่กล่าวมาในข้อแรก นำไปสู่การเปลี่ยนตลาด

มีข่าวมาสักระยะแล้วว่า ทาง Google ได้หันมาทุ่มให้กับการลงทุนด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านปัญญาประดิษฐ์ A.I. โดยลงทุนผ่านบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีในจีน ซึ่งได้กลายกลยุทธ์สำคัญของพวกเขาไปด้วย

สำหรับการลงทุนครั้งนี้ มีรายงานว่า Google ได้ลงทุนมากกว่า 550 ล้านเหรียญสหรัฐ ให้กับทาง JD.com ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่อันดับ 2 ด้านธุรกิจ E-Commerce และเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Alibaba

โดยความร่วมมือนี้ Google และ JD ได้วางกลยุทธ์ที่จะพัฒนาร้านค้าปลีกออนไลน์ และการผสมผสานกับแบบออฟไลน์เข้าด้วยกัน โดยตลาดใหญ่ที่พวกเขาตั้งเป้าในสเต็ปแรกก็คือ ภูมิภาคอาเซียนที่มีไทยเราอยู่ด้วยนี่เอง

อันที่จริงก่อนหน้านี้ ทาง Google China ที่มี ลีไคฟู เป็นหัวหอก ก็ได้วางยุทธศาสตร์ในการพัฒนานวัตกรรมด้านต่างๆเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ A.I. ของจีนเอาไว้ และมุ่งการเจาะตลาดในเอเชียตะวันออกไปด้วย


บริการของ Google ยังใช้ในจีนไม่ได้

อย่างไรก็ตาม เวลานี้แพล็ตฟอร์มที่เป็นบริการด้านต่างๆ ของ Google ก็ยังใช้งานในจีนไม่ได้ครับ

ไม่ว่าจะเป็นระบบค้นหา ไปจนถึง Google Maps และ Youtube ทั้งหมดยังคงถูกแบนในประเทศจีนอยู่ดี

แต่หลายฝ่ายก็คาดว่า การมีดีลร่วมกับ JD.com อาจจะกลายเป็นก้าวแรกที่จะค่อยๆทำให้ Google เข้ามาอยู่ในตลาดจีนได้มากขึ้น แม้ว่าต่อไปอาจจะไม่ได้นำบริการเหล่านี้เข้ามาใช้ แต่ก็ยังสามารถพัฒนาแพล็ตฟอร์มใหม่ๆที่อาจจะเอื้อเฉพาะตลาดจีนเป็นหลักก็ได้

อีกทั้งก่อนหน้านี้ก็มีรายงานว่า Google ได้เข้ามาร่วมลงทุนกับอีกหลายบริษัทในจีน เช่น Choshou ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านสตรีมมิ่งรายการกีฬา โดยลงทุนไปกว่า 120 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นต้น

เจ้าตลาดอย่าง Baidu เริ่มทำตัวเองให้เสียเครดิต

หลายปีมานี้ Baidu พยายามอย่างมากที่จะเจาะตลาดนอกประเทศ โดยเฉพาะฝั่งเอเชีย โดยหวังว่าจะสามารถทำให้ตัวเองเป็นระบบค้นหา Search Engine อันดับต้นๆ แข่งกับ Google ในระดับอินเตอร์ให้ได้

แต่อย่างที่เราเห็นกันว่า นโยบายและยุทธศาสตร์ที่ Baidu เคยใช้กับ PC Faster ซึ่งมุ่งทำตลาดเชิงรุก ด้วยการยัดเยียดให้กับบรรดา User จนทุกวันนี้หลายคนก็ยังไม่เข้าใจว่า Baidu จะทำไปทำไมกันหนอ (แอดมินก็ไม่เข้าใจคนคิดแผนนี้เหมือนกัน) เรื่องนี้ได้ทำให้ Baidu เสียเครดิตสำหรับผู้ใช้งานนอกประเทศไปมาก ชื่อนี้กลายเป็นของแสลงทั้งผู้ใช้งานและเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคของหลายบริษัทที่ต้องตามแก้ไขปัญหาจากการตลาดเชิงรุกนี้

แล้วยังมีคดีของ Wei Zexi ซึ่งกลายเป็นกระแสดราม่าในช่วงปี 2016 เกี่ยวกับประสิทธิภาพการค้นหาข้อมูลใน Baidu ที่มีความน่าเชื่อถือต่ำ นั่นทำให้คนจีนหลายคนเริ่มตั้งข้อสงสัยในความเชื่อถือของระบบค้นหาคำในแพล็ตฟอร์มของพวกเขา

เมื่อ Baidu มีปัญหา ก็เป็นโอกาสของ Google ซึ่งทำให้ได้รับความคาดหวังจากคนจีนไปด้วยว่า การกลับมาในจีนรอบนี้ จะสามารถตอบโจทย์ของการใช้งานได้มากกว่า Baidu หรือไม่

โดยสรุป

การลงทุนของ Google ในการกลับสู่ตลาดจีนรอบนี้ อาจจะไม่ได้มุ่งไปที่ระบบค้นหา เหมือนอย่างที่หลายฝ่ายคาดหวัง แม้ว่า Baidu เองจะเสียเครดิตไปบ้างก็ตาม แต่น่าจะเป็นการทุ่มให้กับธุรกิจ E-Commerce และการเชื่อมต่อกับการตลาดออนไลน์และออฟไลน์เป็นหลักแทน ซึ่งคงต้องรอดูการจับคู่ครั้งนี้ว่า จะไปได้สวยในตลาดจีนรอบสองมากน้อยแค่ไหน

====================================================

#คิดถึงการตลาดจีน คิดถึง Level Up Thailand#

ต้องการตรวจความพร้อมก่อนบุกตลาดจีน สามารถอ่านบทความ

“ตรวจความพร้อมก่อนไปตลาดจีน” ได้ที่

หรือ อยากทราบภาพรวมของการตลาดออนไลน์จีนสามารถอ่านบทความ

“บุกตลาดจีนด้วยการตลาดออนไลน์จีน” ได้ที่

ต้องการคำปรึกษาหรือดูบริการแพ็คเกจบริการการตลาดจีนเริ่มต้นได้ที่

ทั้งนี้ถ้าต้องการให้เราเขียนเพิ่มเติมด้านไหนสามารถ Comment มาได้เลยนะครับ


Basic Chinese Knowledge

Chinese Tourism

Kol influencer

China social media & online marketing

China ecommerce

บทความแนะนำ

บริการของเรา

bottom of page