3 กลยุทธ์ ดันยอดขาย Huawei แซงหน้า Apple ขึ้นอันดับ 2 ของโลก
นับว่าเป็นความสำเร็จของ Huawei ในการขึ้นเป็นแบรนด์ยักษ์ใหญ่ด้าน Smartphone ของโลกที่ทำยอดขายแซงหน้าแบรนด์ชื่อดังอย่าง Apple ได้สำเร็จ โดยอ้างอิงจากรายงานล่าสุดอ้างอิงจากข้อมูลของ International Data Corporation (IDC) ซึ่งได้มีการเก็บข้อมูลของการนำส่งมือถือ Smartphone จากทุกค่ายทั่วโลก และทำให้ Huawei สามารถทะยานขึ้นเป็นอันดับ 2 ของโลก แล้วตามหลังเพียง Samsung ที่มียอดขายสูงสุดเป็นอันดับ 1 ในเวลานี้
สำหรับยอดขายของ Huawei ในปีนี้ เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 38.5 ล้านเครื่อง ขึ้นเป็น 54.2 ล้านเครื่อง เท่ากับว่ามีการเติบโตที่ร้อยละ 40.9 ซึ่งเหนือกว่า Apple ราว 4 เท่า แม้ว่าผลกำไรจะยังตามหลังอยู่อีกมาก แต่ก็อาจกล่าวได้ว่า นี่เป็นการท้าสู้ในระดับโลกที่น่าสนใจมาก เพราะยอดขายในระดับที่แซงหน้า Apple ได้สำเร็จนี้ ก็ต้องกล่าวว่าไม่ธรรมดาเช่นกัน
มาดูกันว่า พวกเขาใช้กลยุทธ์หลักอะไรบ้าง
------------------------------------------------------------------------------------------------------
1.พลิกจุดด้อยเป็นจุดแข็ง ปั้นตัวเองเป็นแบรนด์ประจำชาติจีน
เป็นกลยุทธ์และภาคปฏิบัติที่ทาง Huawei ลงมือต่อเนื่องในการปั้นแบรนด์ของตนจากที่เคยถูกมองว่าเป็น “ของก๊อปจีนแดง” ให้ก้าวขึ้นมาเป็นแบรนด์แถวหน้าของโลกในตลาดมือถือได้สำเร็จ
Huawei ยังมีข้อหนึ่งที่ถูกมองว่าเป็นอุปสรรค นั่นคือชื่อของแบรนด์เอง ซึ่งมีความเป็นจีนสูง ตั้งแต่ยุคที่แบรนด์จีนยังไม่ได้รับความเชื่อถือและถูกมองว่าเป็นของ Copy ทางบริษัทเองก็ไม่พ้นข้อนี้
แต่ Huawei กลับเลือกที่จะไม่ใช่กลยุทธ์ “เปลี่ยนชื่อ” เหมือนที่ Lenovo เคยทำ ซึ่งแต่เดิมแล้ว พวกเขาเคยใช้ชื่อว่า Legend แต่ก็มีภาพลักษณ์ว่าเป็นแบรนด์จีนที่ผลิตสินค้าด้อยคุณภาพ และไม่มีความเป็นอินเตอร์ กระทั่งพวกเขาได้ปรับแบรนด์ครั้งใหญ่ ไม่ใช่แค่ยกระดับสินค้าให้มีคุณภาพ แต่ยังเปลี่ยนชื่อใหม่เพื่อบุกตลาดโลกด้วย
Huawei ทำในข้อแรกคือการยกระดับสินค้า แต่ไม่เปลี่ยนชื่อ ยังคงชื่อที่มีความเป็นจีนอย่างเข้มข้นไว้ แล้วปั้นให้แบรนด์ของพวกเขาเป็นเสมือนตัวแทนของประเทศจีน ซึ่งในยุคที่จีนกลายเป็นชาติมหาอำนาจแล้ว นี่กลับกลายเป็นผลบวกที่หลายฝ่ายคงคาดไม่ถึง
2.เจาะตลาดผู้ใช้ในประเทศให้เข้มแข็ง
Huawei เป็นตัวอย่างของแบรนด์จีนแรกๆที่พยายามปั้นฐานลูกค้าและกลุ่มผู้บริโภคในท้องถิ่นให้เข้มแข็งและมั่นคง มากกว่าจะไปมุ่งตลาดต่างประเทศ ซึ่งก็สอดคล้องกับกลยุทธ์แรก เพราะเมื่อฐานในประเทศเข้มแข็งมากพอ พวกเขาก็กลายเป็นตัวแทนของแบรนด์มือถือจีนไปโดยปริยาย ซึ่งนี่เป็นแนวทางที่ Xiaomi พยายามผลักดันอยู่เช่นกัน
3.เปิดรับความรู้ใหม่ทั่วโลก มุ่งวิจัยและพัฒนาสินค้า
จุดด้อยร้ายแรงของ Huawei ในอดีต (แล้วเมื่อเร็วๆนี้) คือภาพลักษณ์ของสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน มีข่าวในเชิงลบบ่อยว่า มือถือใช้งานแล้วเกิดปัญหา ไปจนถึงใช้แล้วเสี่ยงที่จะระเบิด แต่พวกเขาใช้เวลาแก้ไขเรื่องนี้ด้วยการไม่ปิดกั้นความรู้ แต่ลงทุนในเรื่องการทำวิจัยพัฒนาด้านเทคโนโลยีโดยเปิดรับความรู้ใหม่ๆจากทั่วโลก มีการเปิดศูนย์ Research & Development ในหลายๆประเทศมากกว่า 15 แห่งทั่วโลก ซึ่งก็ไม่ได้เปิดแบบไร้ทิศทาง แต่เลือกจากประเทศที่มีชื่อเสียงในด้านนวัตกรรมเป็นหลัก
ที่สำคัญคือ ในแต่ละประเทศที่ไปเปิดศูนย์วิจัย พวกเขาจะกำหนดทิศทางของการวิจัยด้วยเป้าหมายแตกต่างกันไป ไม่สนใจที่จะให้แต่ละที่แข่งขันทำยอดขาย และไม่ได้แข่งขันงานวิจัยที่เหมือนๆกันด้วย แต่เป็นการวางแผนแล้วเลือกดูว่า แต่ละประเทศเด่นด้านใด พวกเขาจึงจะทำ R&D ในด้านนั้นเป็นหลัก เช่น ในทวีปยุโรปและญี่ปุ่นมีความโดดเด่นในเรื่องเรื่องงานออกแบบและงานวิจัย หรือในสหรัฐอเมริกาเชี่ยวชาญด้านซอฟต์แวร์ เป็นต้น
นี่เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ Huawei ให้ความสำคัญและลงทุนระยะยาว ซึ่งหลายฝ่ายวิเคราะห์ว่า นี่อาจจะเป็นตัวที่ทำให้กำไรของพวกเขาเพิ่มขึ้นในปีถัดๆไป ซึ่งก็ต้องรอดูว่า พวกเขาจะขยับเข้าใกล้ Apple ได้แค่ไหน
----------------------------------------------------------------------------------------------------
#คิดถึงการตลาดจีน คิดถึง Level Up Thailand#
ต้องการตรวจความพร้อมก่อนบุกตลาดจีน สามารถอ่านบทความ
“ตรวจความพร้อมก่อนไปตลาดจีน” ได้ที่
หรือ อยากทราบภาพรวมของการตลาดออนไลน์จีนสามารถอ่านบทความ
“บุกตลาดจีนด้วยการตลาดออนไลน์จีน” ได้ที่
ต้องการคำปรึกษาหรือดูบริการแพ็คเกจบริการการตลาดจีนเริ่มต้นได้ที่
www.levelupthailand.com/sme2
ทั้งนี้ถ้าต้องการให้เราเขียนเพิ่มเติมด้านไหนสามารถ Comment มาได้เลยนะครับ