คู่ชิง UCL ให้อะไรเรา??? ตลาดจีน กับความเสี่ยงและการเตรียมพร้อม
บางที คู่ชิงชนะเลิศ UEFA Champion League 2017-2018 ระหว่าง Real Madrid และ Liverpool อาจจะให้อะไรเรามากกว่าที่คิดไว้ แล้วอาจจะเป็นข้อคิดสำหรับผู้ประกอบการทุกท่านในการทำตลาดจีนด้วย
ส่วนตัวของแอดมินกับ 30 กว่าปีของชีวิตการดูฟุตบอล ต้องยอมรับว่าคู่ชิงปีนี้อาจจะไม่ใช่คู่ชิงที่สนุกตื่นเต้นหรือดูแล้วสูสีที่สุด เพราะต้องยอมรับว่าทั้งสองทีมที่มาเจอกันปีนี้มีความแตกต่างระหว่างขุมกำลังของนักฟุตบอล ชื่อชั้น ราคาต่อรอง และการเป็นทีมเต็งในรายการของทั้งสองทีมค่อนข้างห่างมาก เรียกได้ว่า Liverpool เข้ามาถึงรอบชิงได้นี่ก็หักปากกาเซียนมากแล้ว อีกทั้งทีมเต็งอย่าง Barca ก็ดันไปพลาดแบบช็อกโลกในการเจอกับโรม่าอย่างไม่น่าเชื่อด้วย
หากย้อนดูเส้นทางของทั้งสองทีม แม้ว่าปีนี้ Real Madrid จะทำผลงานได้กระท่อนกระแท่นทั้งในลาลีกาและใน UCL รอบแรกๆ โดยในลาลีกาพวกเขาออกสตาร์ทได้ย่ำแย่มากในช่วง 10 นัดแรก เนื่องจากการจัดทีมที่ต้องการเน้นดาวรุ่งและหาทางถ่ายเลือดผู้เล่นตัวหลัก แต่ปรากฏว่าผลงานออกมาไม่ดี ในขณะที่ Barca ปีนี้บินสูงลิ่วในลีก จนต่อมาถึงขั้นมีข่าวว่าจะปลดซีดานซึ่งเป็นเพื่อนรักของประธานเปเรซออกจากตำแหน่งเฮดโค้ช อีกทั้งในลาลีกาช่วงแรกนั้น สตาร์อันดับ 1 อย่างโรนัลโด้เองก็ยิงแทบจะไม่ได้เลย จนหลายคนเริ่มกังขาว่าหมดยุคของเขาแล้ว
จนกระทั่งเมื่อเริ่มเข้าช่วงกลางฤดูกาล ซีดานก็ได้ปรับทีมโดยนำผู้เล่นตัวหลักที่มีอายุมากขึ้นกลับมาเล่นแล้วทำให้ทีมเก็บแต้มได้เรื่อยๆจนกลับขึ้นไปอยู่ระดับหัวแถวของตารางได้ แม้ว่าในเกมเอลกลาซิโก้ปีนี้พวกเขาก็จะเอาชนะ Barca ไม่ได้เลย แถมยังโดนบุกมาถล่มคาบ้านถึง 3-0 ในช่วงเดือนธันวาคมด้วยก็ตาม
ส่วนผลงานในรอบแรกของ UCL พวกเขาทำได้เพียงอันดับสองของกลุ่มตามหลัง Spurs แต่ในช่วง 4 ปีหลังสุด Madrid เป็นทีมที่น่ากลัวเสมอเมื่อเข้ารอบลึกๆของบอลถ้วยสูงสุดของยุโรป อีกทั้งชื่อชั้นของนักเตะยังสามารถข่มขู่คู่แข่งได้ โรนัลโดเมื่อเริ่มกลับมายิงได้ก็ยิงติดๆกันจนขึ้นท็อปดาวซัลโวของ UCL ได้อย่างหน้าตาเฉย แม้ว่าปีนี้เบนเซม่ากำลังกลายเป็นสากเดินได้ และเบลอาจจะไม่ได้รับความไว้วางใจลงตัวจริงมากเท่าที่ควร
แต่ความน่ากลัวของแนวรุกมาดริดที่มีโรนัลโด้เป็นตัวยิง ฟอร์มที่ยอดเยี่ยมขึ้นทุกทีของอิสโก้ และการขึ้นมาฉายแววเรื่อยๆของอเซนซิโอ ความเก๋าของโมดริช โครส รามอส และความเหนียวหนึบเกินคาดของนาบาสในเกมใหญ่ๆ ก็ทำให้ Madrid มีขุมกำลังที่คู่แข่งประมาทไม่ได้เลย ที่สำคัญคือ ซีดาน ในฐานะเฮ้ดโค้ชที่แม้ว่าอาจจะไม่ใช่จอมแท็กติคอันดับต้นๆของโลก แต่เขาอาจจะเป็นโค้ชที่เหมาะสมกับทีมที่มีสตาร์ดังๆล้นทีมอย่าง Madrid มากที่สุด และเป็นคนที่เปเรซตามหามาตลอดก็เป็นได้ เพราะทีมๆนี้อาจจะไม่ได้ต้องการจอมแท็กติค แต่ต้องการคนที่จะหลอมรวมทีมให้เป็นหนึ่ง สร้างสปิริตทีม แล้วทำให้นักเตะสตาร์อีโก้สูง ค่าเหนื่อยแพงระยับเหล่านี้ รีดฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมและกระหายชัยชนะอยู่เรื่อยๆตลอดทั้งปี ซึ่งซีดานพิสูจน์มามากพอแล้วว่าเขาคือโค้ชที่ดีที่สุดคนหนึ่งเท่าที่ Madrid เคยมีมา
ปัจจัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น โค้ช นักเตะ การหลอมรวมทีม การหมุนเวียนขุมกำลัง หรือเรียกง่ายๆว่าการเตรียมพร้อมทีม ประสบการณ์ในการเล่นถ้วยใบใหญ่ของยุโรป ทุกอย่างนี้ทำให้ Madrid น่ากลัวเสมอ แม้ว่าอาจจะไม่ได้แกร่งทั่วแผ่นไปหมด แล้วที่น่าทึ่งอีกอย่างคือ พวกเขาเล่นเหมือนรู้จักตัวเองดี เพราะ Madrid ทีมนี้ไม่ใช่ทีมที่เล่นฟุตบอลเกมรุกแบบบ้าคลั่งตลอดเวลา ไม่ใช่ทีมที่เน้นขึงเกมคู่แข่งเบ็ดเสร็จได้เหมือน Barca แต่พวกเขาสามารถที่จะเล่นฟุตบอลด้วยความอดทน พลิกจากเกมรับกลับเป็นรุก เน้นเกมรุกรวดเร็ว ฉาบฉวย มีโอกาสจบแล้วต้องยิงให้ได้ ไม่ว่าจะเข้าหรือไม่เข้า
การรู้จักทีมตัวเองดี ก็ทำให้ Madrid มาได้ไกลในถ้วยยุโรป แล้วครองแชมป์ 3 สมัยซ้อน สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่นับตั้งแต่ถ้วยนี้เปลี่ยนมาจากยูโรเปี้ยนคัพได้สำเร็จ แล้วยังกลายเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้แชมป์สามสมัยซ้อนติดต่อกันได้มากกว่า 1 ครั้ง เหนือกว่า อาแจ็กซ์ และบาเยิร์น ที่เคยทำได้สามครั้งซ้อนในอดีตด้วย
ในทางกลับกัน ฝั่งผู้แพ้อย่าง Liverpool ก็มาไกลเกินคาดของทุกฝ่าย แต่ความพ่ายแพ้ในวันนี้ก็ให้บทเรียนอะไรกับเราเหมือนกัน ก่อนหน้านี้ Liverpool เป็นทีมที่มีปัญหาในแนวรับชนิดเรื้อรังมาตลอด ยิ่งคลอปป์เองก็ไม่ใช่โค้ชสไตล์เน้นทำเกมรับอยู่แล้ว การที่เขานำระบบเกเก้นเพรสซิ่งเข้ามาใช้ แม้ว่าจะทำให้เกมรุกของทีมดุดันขึ้น แล้วพอจะกลบจุดอ่อนแนวรับได้บ้างจากการเลือกยิงให้มากๆ แล้วการยอมทุ่มซื้อตัวฟานไดค์เข้ามาก็ช่วยอุดรอยโหว่ของเกมรับที่มักเสียประตูจากลูกกลางอากาศง่ายๆไปได้แล้ว แต่ในส่วนของผู้รักษาประตูที่เป็นปัญหามานาน แล้วพยายามแก้ไขนั้น ก็ยังไม่สำเร็จเท่าไรนัก ในความเป็นจริงคือ ต่อให้วันนี้ไม่ได้เลือกให้คลาริอุสลงสนาม แล้วใช้งานมิญโญเล่ต์ ผลก็คงไม่ได้ออกมาดีกว่ากันเท่าไหร่นัก
ขุมกำลังสำรองก็เป็นอีกปัญญาใหญ่ของ Liverpool มาตลอดทั้งฤดูกาล เพราะแทบจะหาคนทดแทนตัวจริงไม่ได้เลย แล้วเอาจริงๆ ตำแหน่งตัวจริงบางคนเองก็เป็นที่กังขาอยู่เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นเฮนเดอร์สัน หรือมิลเนอร์ ซึ่งหากไปอยู่ทีมใหญ่อื่นๆในยุโรป ก็คงเป็นได้เพียงตัวสำรอง หรือดาวรุ่งอย่างอาร์โนลด์ แม้ว่าจะแจ้งเกิดได้ในปีนี้ แต่ต้องยอมรับว่าเขาไม่มีคู่แข่งหรือคนที่เป็นรุ่นพี่ตัวเก๋าในตำแหน่งเดียวกันที่จะกดดันเขาได้เท่าไรนัก
ยิ่งเมื่อเรามองไปที่ซุ้มม้านั่งสำรองแบบเทียบตัวต่อตัว ข้างสนามของแนวรุกทั้งสอง
ฝั่งหนึ่งคือ โซลันเก้ แต่อีกฝั่งคือ แกเร็ธ เบล
เรื่องของรามอสและซาล่าห์ เราคงไม่สามารถบอกได้ว่าเจตนาของรามอสคืออะไร แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ทีมไม่สามารถหาคนมาทดแทนซาล่าห์ได้ เกมรุกของ Liverpool ในช่วง 30 นาทีสุดท้ายแทบจะไม่มีโอกาสง้างเท้ายิงเลยสักครั้งเดียว ขุมกำลังทดแทนและความพร้อมของทีม เหล่านี้คือความแตกต่าง
แน่นอนว่า มันอาจจะต้องแลกมาด้วย เงินทุน การลงทุน เพราะไม่มีอะไรที่ได้มาโดยง่าย แต่ถ้ามองไปในช่วงกลางฤดูกาล ที่ Liverpool มีโอกาสมองหาตัวทดแทนในเกมรุก พวกเขาเลือกโฟกัสไปที่ตัวเลือกอันดับหนึ่งในแนวรับอย่างฟานไดค์เป็นหลักมากกว่า ในขณะที่คลอปป์ดูมั่นใจในการผลักดันโซลันเก้ ซึ่งในปีนี้ผลก็ออกมาแล้วว่า การขาดซาล่าห์ ไม่สามารถทดแทนได้
ในเกมที่ต้องชนะ ต้องหาทางยิงประตู เมื่อแนวรุกไม่มีขุมกำลังที่ดีพอ ก็แทบปิดโอกาสไปเลย
การบุกตลาดจีนก็เช่นกัน การเตรียมพร้อม ทั้งในส่วนของหลังบ้าน เป็นเรื่องสำคัญก็จริง แต่ในการทำตลาดเชิงรุก ก็จำเป็นต้องมีการวางแผนไว้ล่วงหน้า เผื่อเกิดกรณีที่แผนการหลักไม่ได้ผล หรือสินค้า บริการ และช่องทางที่มั่นใจว่าจะบุกเจาะตลาดได้แน่ๆเกิดปัญหา การศึกษาช่องทางและรูปแบบอื่นๆไปจนถึงสินค้าทดแทนเพิ่มเติม ก็อาจช่วยแก้เกมหรือแก้วิกฤตจากหนักเป็นเบา แล้วเพิ่มโอกาสชนะได้เหมือนกันครับ
#คิดถึงการตลาดจีน คิดถึง Level Up Thailand#
ต้องการตรวจความพร้อมก่อนบุกตลาดจีน สามารถอ่านบทความ “ตรวจความพร้อมก่อนไปตลาดจีน” ได้ที่
หรือ อยากทราบภาพรวมของการตลาดออนไลน์จีนสามารถอ่านบทความ
“บุกตลาดจีนด้วยการตลาดออนไลน์จีน” ได้ที่
ต้องการคำปรึกษาหรือดูบริการแพ็คเกจบริการการตลาดจีนเริ่มต้นได้ที่
ทั้งนี้ถ้าต้องการให้เราเขียนเพิ่มเติมด้านไหนสามารถ Comment มาได้เลยนะครับ
