top of page

บทความ

ความรู้ ข่าวสาร ที่นักธุรกิจต้องรู้

ส่งตรงจากจีน

สีจิ้นผิงเตรียมครองอำนาจระยะยาว โอกาสในภาคธุรกิจไทย-จีน



เรียกได้ว่าเป็นข่าวใหญ่สะเทือนทั้งโลก เมื่อสำนักข่าวเอเอฟพี รายงานที่ปักกิ่งเมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 มีนาคม 2561 ที่ผ่านมานี้ว่า เรื่องที่เป็นประเด็นใหญ่ของจีนเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งประวัติศาสตร์ที่จะเป็นการยกเลิกบทบัญญัติที่จำกัดการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของจีนที่เคยจำกัดอยู่ที่ 2 สมัย โดยอยู่ที่สมัยละ 5 ปี ซึ่งได้บังคับใช้มาตั้งแต่สมัยที่เติ้งเสี่ยวผิงครองอำนาจและใช้มาเป็นเวลานานกว่า 50 ปี

แล้วในที่สุดการยกเลิกบทบัญญัตินี้ก็ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนประชาชน (NPC) ด้วยคะแนน 2,958 คะแนน, คัดค้าน 2 คะแนน, งดออกเสียง 3 คะแนน และเป็นโมฆะ 1 คะแนน

เท่ากับว่า นับแต่นี้ต่อไป ผู้นำของจีนจะสามารถดำรงตำแหน่งสูงสุดได้ยาวนานกี่สมัยก็ได้ ตราบที่ได้รับการเลือกจากภายในพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งจะทำให้ผู้นำจีนต่อไปนี้กลายเป็นบุคคลที่มีอำนาจมากอันดับต้นๆของโลก สำหรับชาติที่มีพลังทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีเป็นอันดับ 2 ของโลกในยุคนี้ คู่คี่กับสหรัฐอเมริกา

แต่เดิมที เติ้งเสี่ยวผิงได้กำหนดการถ่ายโอนอำนาจผู้นำประเทศและจำกัดการครองวาระ เพราะต้องการที่จะป้องกันไม่ให้เกิดการผูกขาดอำนาจผู้นำแบบที่เคยมีมาในสมัยของเหมาเจ๋อตุง ซึ่งในช่วงท้ายของการครองอำนาจ ได้ส่งผลกระทบต่อการแย่งชิงอำนาจภายในจีนที่มาจากกลุ่มแก๊งค์ 4 คน ซึ่งส่งผลให้คู่แข่งทางการเมืองถูกสังหารและเนรเทศ อีกทั้งแนวนโยบายที่ผิดพลาดในช่วงหลังของเหมาเจ๋อตุงก็มีส่วนทำให้ประชาชนจีนต้องพบความยากลำบากอีกด้วย ต่อมาเมื่อเติ้งเสี่ยวผิงซึ่งเคยเสียอำนาจทางการเมืองให้กลุ่มแก๊งค์ 4 คน เมื่อได้รับการผลักดันจากโจวเอินไหล อดีตรัฐบุรุษและนายกรัฐมนตรีผู้ยิ่งใหญ่ ก็ทำให้เขาต้องการป้องกันไม้ให้เกิดการผูกขาดอำนาจโดยผู้นำคนเดียวอีก หลังจากนั้นตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ซึ่งถือว่าเป็นตำแหน่งสูงสุด ก็ได้ถูกโอนถ่ายด้วยดีมาตลอด โดยส่งต่อให้กับผู้นำรุ่นที่ 3 คื เจียงเจ๋อหมิน และผู้นำรุ่นที่ 4 คือ หูจิ่นเทา กระทั่งมาสู่ผู้นำรุ่นที่ 5 คือสีจิ้นผิง

ที่ผ่านมา สีจิ้นผิงได้รับการยกย่องชมเชยจากหลายฝ่ายมากในการปราบปรามคอรัปชั่นซึ่งเป็นปัญหาร้ายแรงที่กัดกินอยู่ภายในพรรคคอมมิวนิสต์ที่หมักหมมมาตั้งแต่สมัยของเจียงเจ๋อหมินและหูจิ่นเทา การปราบการคอรัปชั่นด้วยความเด็ดขาดนี้เอง ทำให้เสียงภายในพรรคคอมมิวนิสต์ไม่แตกแถว แม้ว่าสีจิ้นผิงเองก็มีฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยอยู่ไม่น้อย แต่เขาก็สามารถควบคุมสถานการณ์ในพรรค แล้วทำให้ประเทศจีนในช่วงที่เขาปกครองมาตลอดหลายปีนี้ ผงาดกลายเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลก ไม่เป็นรองสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ยังได้พัฒนาด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ ไปจนถึงระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ทำให้จีนกลายเป็นชาติที่มี GDP สูงสุดเป็นอันดับต้นๆของโลกในช่วงทศวรรษหลัง แล้วปัจจุบันจีนก็กลายเป็นชาติอันดับต้นๆทางด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีในหลายด้าน มีส่วนแบ่งทางการตลาดอันดับต้นๆของโลก ซึ่งภาคธุรกิจในโลกตะวันตกพยายามอย่างยิ่งที่จะเจาะเข้าตลาดจีนให้ได้

ผลงานต่างๆในรัฐบาลของสีจิ้นผิง รวมถึงการผลักดันในธุรกิจภาคเอกชน ที่ไม่ได้เข้าไปแทรกแซงโดยตรง แต่ใช้แนวทางเข้าไปสนับสนุนแล้วทำให้เกิดการผูกขาดในการแข่งขันในประเทศ รวมถึงกฎหมายที่เกิดขึ้นป้องกันการเข้ามาจากนายทุนจากต่างชาติ ทำให้ภาคธุรกิจในจีนเติบโตและไม่มีคู่แข่งจากโลกตะวันตก เรื่องนี้มีส่วนทำให้เขาได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มทุนต่างๆของจีนอยู่ไม่น้อย


สำหรับมติของประชาชนจีนนั้น ทางสำนักข่าวเอเอฟพีอ้างถึงทัศนะจากผู้แทนของหลายมณฑลว่า เป็นความปรารถนาเร่งด่วนของประชาชนทั่วไป และได้รับการสนับสนุนจากมวลชน

อย่างไรก็ตาม ตามความคิดเห็นของประชาชนจีนผ่านทางโซเชียล Weibo ก็มีการแสดงความเห็นในทิศทางตรงข้ามอยู่ไม่น้อย โดยเห็นว่า นี่เป็นการนำประเทศจีนกลับสู่ระบอบฮ่องเต้ที่เคยล่มสลายไปแล้ว เป็นการเปิดโอกาสให้สีจิ้นผิงกลายเป็นฮ่องเต้ของจีนยุคใหม่ ซึ่งก็ทำให้เกิดการวิจารณ์และความกังวลจากหลายฝ่ายว่า อนาคตจีนจะกลับไปสู่การครองอำนาจเบ็ดเสร็จของผู้นำเพียงคนเดียวหรือกลุ่มเดียว ที่อาจจะทำให้จีนต้องเข้าสู่การถอยหลัง

ปัจจุบัน สีจิ้นผิงมีอายุได้ 64 ปี เขาขึ้นครองอำนาจสูงสุดในปี 2012 โดยการดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรค ซึ่งการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ ทำให้เขามีสิทธิที่จะครองอำนาจต่ออีกโดยไม่จำกัดสมัย ตราบใดที่ยังกุมอำนาจและได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกพรรค ซึ่งเวลานี้สีจิ้นผิงแทบจะกุมอำนาจและเสียงในพรรคไว้ได้อย่างเบ็ดเสร็จ แม้ว่าจะมีฝ่ายตรงข้ามอยู่บ้าง แต่เสียงที่จะต่อต้านก็ไม่เพียงพอ

สำหรับในภาคธุรกิจไทย-จีน จะมีผลกระทบอย่างไรหรือไม่นั้น คงต้องรอดูทิศทางต่อไป ทั้งนี้อาจวิเคราะห์ได้ในแง่จากความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ซึ่งมีความร่วมมือต่างๆกันในหลายภาคส่วนมาหลายปี ก็น่าจะมีส่วนทำให้ความร่วมมือในหลายภาคส่วนที่มีเสถียรภาพมั่นคงขึ้น เนื่องจากแนวนโยบายของรัฐบาลในยุคสีจิ้นผิง ที่มีความต้องการสินค้าบริโภคและอุปโภคจากประเทศไทย รวมถึงการให้ไทยเป็น Hub ในภาคเทคโนโลยีและ IT โดยมีหัวหอกหลักคือ Tencent และ Alibaba ที่กำลังเข้ามามีบทบาทในการรุกตลาดไทยมากขึ้น ภายใต้ความร่วมมือกับหัวหาดใหญ่ในธุรกิจของไทย เช่น ความร่วมมือกับ True เป็นต้น

แต่ทั้งนี้ ผู้ประกอบการรายย่อยและขนาดกลางของไทย ก็ยังคงมีโอกาสเพิ่มขึ้นสำหรับการส่งออกสินค้าไปยังประเทศจีนที่มีความต้องการในระดับสูงต่อไป

#คิดถึงการตลาดจีน คิดถึง Level Up Thailand#


Basic Chinese Knowledge

Chinese Tourism

Kol influencer

China social media & online marketing

China ecommerce

บทความแนะนำ

บริการของเรา

bottom of page