จีนประกาศรายชื่อธุรกิจที่จำกัดการลงทุนในต่างแดน
ในเดือนกุมภาพันธ์ 2561 ที่ผ่านมา ทางคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน (National Development and Reform Commission) หรือ NDRC ได้ออกมาประกาศรายชื่อสาขาธุรกิจที่จำกัดการลงทุนในต่างประเทศ หรือที่เรียกว่า ลิสต์ธุรกิจที่ละเอียดอ่อน (Sensitive List) โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 มี.ค.2561 ที่ผ่านมานี้ ซึ่งสาขาธุรกิจประเภทต่างๆนี้ ได้แก่ (1) อสังหาริมทรัพย์ (2) โรงแรม (3) สตูดิโอภาพยนตร์ (4) ธุรกิจบันเทิง (5) สโมสรกีฬา (6) Platform สำหรับจัดหาเงินทุนที่ไม่มีโครงการเป็นรูปธรรม กล่าวกันว่า สาเหตุที่ต้องมีการจำกัดการลงทุนในต่างประเทศ เนื่องมาจากการประเมินสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทั่วโลกตั้งแต่ปี 2557 รวมถึงทางจีนเองเห็นว่าเม็ดเงินที่ถูกนำออกต่างประเทศเพื่อลงทุนในธุรกิจทั้ง 6 สาขานี้ ไม่ได้สร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่ากลับมาเท่าที่ควร โดยเฉพาะการเป็นข่าวจากเรื่องที่นักลงทุนของจีนบางรายเข้าไปเทคโอเวอร์สโมสรฟุตบอลในยุโรปและสตูดิโอภาพยนตร์ยักษ์ใหญ่บางแห่ง ไม่ได้ส่งผลกลับมาสู่ภาคธุรกิจในจีนมากนัก แต่เป็นผลประโยชน์ของนักลงทุน และอาจนำไปสู่การฟอกเงินของกลุ่มทุนบางกลุ่มก็เป็นได้ เนื่องจากรัฐบาลจีนในยุคของสีจิ้นผิงได้มุ่งการปราบคอรัปชั่นมาตลอดในช่วงหลัง ได้จับตาสถานการณ์เรื่องนี้อย่างจริงจัง การจำกัดการลงทุนในต่างแดนครั้งนี้จึงเป็นผลลัพธ์สำคัญสำหรับการป้องกันเม็ดเงินไหลออกนอกประเทศจีนและป้องกันการคอรัปชั่นไปด้วย ข้อมูลสถิติจาก Thomson Reuters ชี้ว่า ในปี 2560 การควบรวมและเข้าซื้อกิจการของวิสาหกิจจีนในต่างประเทศมีมูลค่า 1.42 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 35 เมื่อเทียบกับปี 2559 ซึ่งอยู่ที่ 2.19 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ และข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์จีนชี้ว่าในปี 2560 การลงทุนของจีนในต่างประเทศแทบจะไม่มีโครงการใหม่ด้านอสังหาริมทรัพย์การกีฬาและการบันเทิงเกิดขึ้นเลย แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีการเข้าไปลงทุนด้านอสังหาฯในบางประเทศก็ตาม ทั้งนี้ ผู้ประกอบการไทยในสาขาต่างๆเหล่านี้ก็อาจจะไม่สามารถเบาใจได้เต็มที่นัก เพราะก็ยังมีกลุ่มทุนจีนที่เข้ามาลงทุนในอสังหาฯในภูมิภาคตะวันออกของไทยบางส่วน โดยเฉพาะการลงทุนกับสวนผลไม้เพื่อการส่งออกกลับไปยังประเทศจีนนั่นเอง ไปจนถึงการเข้ามาบุกเจาะธุรกิจด้าน Platform ซึ่งทางการจีนก็ไม่ได้จำกัดในกรณีที่มีรูปแบบและแผนงานที่เป็นรูปธรรม ตัวอย่างเช่นการเข้ามาเจาะตลาดด้านนี้ของทาง Tencent และเครือ Alibaba เป็นต้น หากมีข้อสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ทางเพจ Levelupthailand #คิดถึงการตลาดจีน คิดถึง Level Up Thailand#