แผนเศรษฐกิจ 5 ปี ฉบับใหม่ของจีน มีเรื่องไหนน่าสนใจบ้าง
เมื่อไม่นานมานี้ทางรัฐบาลของประเทศจีนได้มีการประกาศแผนเศรษฐกิจฉบับที่ 14 ออกมา ซึ่งจะถูกนำมาใช้งานระหว่างปี 2021 – 2025 หลักใหญ่ใจความของแผนดังกล่าวคือเน้นการใช้เทคโนโลยีของตนเองให้เกิดประโยชน์สูงสุด หรืออธิบายง่าย ๆ คือ พึ่งพาเทคโนโลยีของตนเอง แต่ทั้งนี้ทางรัฐบาลจีนเองเข้าใจดีว่าหากพวกเขาตัดขาดกับสหรัฐฯ จะทำให้เกิดความเสียหายอื่น ๆ ตามมาอันส่งผลกระทบต่อประเทศอื่น ๆ บนโลก ดังนั้นจึงมีการวางนโยบายที่จะทำให้เกิดความร่วมมือในแบบ Win – Win คือไม่มีใครเสียประโยชน์ เรื่องนี้น่าสนใจและอยากมาวิเคราะห์ให้เห็นถึงแผนเศรษฐกิจ 5 ปี ฉบับล่าสุดนี้ว่ามีประเด็นไหนน่าสนใจ และมีเรื่องไหนที่เกี่ยวข้องกับคนทำธุรกิจในเมืองไทยที่มีกลุ่มลูกค้าหลักเป็นชาวจีน หรือต้องส่งไปขายยังเมืองจีนบ้าง วิเคราะห์สิ่งที่อาจเกิดขึ้นหลังจีนประกาศแผนเศรษฐกิจ 5 ปี ฉบับใหม่ 1.พวกเขาจะพยายามสร้าง GDP ภายในประเทศให้สูงขึ้นกว่าเดิม แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาการเติบโตของ GDP ในประเทศจีนจะเฉลี่ยอยู่ประมาณ 6.5 – 7% แต่นั่นยังไม่ดีพอสำหรับประเทศ?จะก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 ของโลกในหลาย ๆ ด้าน ดังนั้นพวกเขาจึงวางแผนว่าภายในปี 2025 อัตราเฉลี่ย GDP ของคนทั้งประเทศต้องสูงขึ้นกว่าเดิม จนเทียบได้กับประเทศพัฒนาแล้วหลาย ๆ ชาติ สิ่งนี้ถือว่าเป็นเรื่องดีกับเศรษฐกิจไทยอย่างมาก เพราะถ้าคนจีนมีรายได้เฉลี่ยเพิ่มขึ้น มีเงินมากขึ้น ก็หมายถึง พวกเขาจะใช้จ่ายได้มากกว่าเดิม ทั้งการสั่งซื้อสินค้าจากเมืองไทย และการมาเที่ยวเมืองไทย อันเป็นจุดหมายปลายทางที่ชาวจีนชื่นชอบสุด ๆ 2.การพยายามใช้เทคโนโลยีแบบพึ่งพาตนเอง แม้ว่าจะมีแบรนด์ไอทีดัง ๆ ของจีนออกสู่ตลาดโลกมากมาย แต่รู้หรือไม่ว่าความต้องการชิ้นส่วนของอุปกรณ์เหล่านี้ยังต้องใช้จากต่างประเทศอยู่ ทั้งกับบรรดาประเทศต่าง ๆ ที่เป็นพันธมิตรของจีนเอง รวมถึงสหรัฐฯ นั่นเท่ากับว่าพวกเขายังไม่สามารถก้าวข้ามความเป็นผู้นำทางด้านของเทคโนโลยีได้อย่างแท้จริง แผนเศรษฐกิจ 5 ปี ฉบับนี้จึงต้องการเน้นให้ชาวจีนใช้เทคโนโลยีแบบพึ่งพาตนเองมากขึ้นกว่าเดิม ตรงนี้ธุรกิจอะไหล่และชิ้นส่วนอุปกรณ์ไอทีในเมืองไทย อาจได้รับผลกระทบบ้าง แต่เชื่อว่ากว่าที่จะเข้าสู่ขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงด้วยการพึ่งพาตนเองทั้งหมดคงไม่ใช่ระยะเวลาอันสั้น หรือภายในเร็ว ๆ นี้แน่ นั่นจึงเป็นสัญญาณที่ดีว่า ธุรกิจด้านนี้ที่ติดต่อกับจีนอยู่ต้องหาวิธีแก้ปัญหาหรือพยายามมองหาตลาดใหม่ เผื่อเอาไว้ล่วงหน้าก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย 3.การลดความเหลื่อมล้ำทางรายได้ระหว่างเมืองเล็กกับเมืองใหญ่ จริง ๆ นี่เป็นปัญหาของทุกประเทศที่เกิดขึ้น ซึ่งจีนคาดหวังจะปฏิรูประบบเศรษฐกิจใหม่โดยเฉพาะเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อให้ประชาชนทุกคนมีความเท่าเทียมในเรื่องรายได้มากขึ้น มีตัวเลขออกมาว่าประชากรกว่า 56 ล้านคนที่อาศัยในเมืองใหญ่ ๆ ยังคงยากจน ตรงนี้ถือว่าเป็นเรื่องดีกับคนไทยด้วย เพราะเมื่อชาวจีนมีเงินมากขึ้น ปริมาณการจับจ่ายสินค้าต่าง ๆ ก็สูงขึ้นเป็นเรื่องปกติ และยังส่งผลถึงบรรดาธุรกิจท่องเที่ยวที่มีโอกาสต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวจีนมากกว่าเดิม 4.วางแนวทางที่ยังคงติดต่อทางการค้ากับสหรัฐฯ เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เพราะจีนเองรู้ดีว่าพวกเขาไม่สามารถแยกเศรษฐกิจของตนเองออกมาแบบยืนหนึ่งเพื่อพึ่งพาตนเองทั้งหมดได้ อีกทั้งถ้าคิดทำจริง ๆ น่าจะส่งผลเสียมากกว่าประโยชน์ ซึ่งไม่ใช่แค่ประเทศจีนแต่มันจะกระทบไปทุกประเทศทั่วโลก ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกหาวิธีทำการค้ากับสหรัฐฯ แบบประนีประนอม เพื่อให้ทั้ง 2 ประเทศได้ประโยชน์แบบ Win – Win กลับไปมากที่สุด จุดนี้ถือว่าส่งผลดีกับประเทศไทยและทุกประเทศทั่วโลก เนื่องจากทั้ง 2 ประเทศถือเป็นมหาอำนาจของโลกในยุคปัจจุบัน ดังนั้นเมื่อพวกเขามีโอกาสร่วมมือในการพัฒนาเศรษฐกิจ มีการสร้างนโยบายต่าง ๆ ที่เอื้อต่อกัน มันย่อมทำให้เศรษฐกิจในประเทศอื่น ๆ ดีขึ้นตามไปด้วย ท้ายที่สุดยังมีเรื่องอื่น ๆ ที่ถูกนำมาพูดถึงในแผนเศรษฐกิจ 5 ปี ฉบับใหม่นี้ เช่น การรักษาสิ่งแวดล้อมให้มากขึ้น, แก้ปัญหาสังคมผู้สูงอายุ, นโยบายการมีลูก 1 คน แต่นั่นเป็นเรื่องภายในของประเทศ เพราะหลักสำคัญของแผนเศรษฐกิจฉบับนี้ที่ประเทศไทยและคนไทยมีโอกาสได้สัมผัสได้ถูกวิเคราะห์เอาไว้ทั้งหมดแล้ว ใครที่รู้ว่าตนเองต้องอาศัยลูกค้าจากประเทศจีน การติดต่อเพื่อทำธุรกิจกับพวกเขา ต้องเริ่มต้นวางแผนให้ดีว่าควรทำอย่างไรต่อจากนี้