ตามรายงานการวิจัยที่เคยมีการประกาศออกมาในปี 2014 มีการศึกษาและระบุแหล่งที่มาหลักของฝุ่นละออง PM2.5 ที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดมลภาวะในกรุงปักกิ่งว่ามาจากสาเหตุต่างๆ ต่อไปนี้
· ท่อไอเสียรถยนต์
· การเผาถ่านหิน
· การทำงานของโรงงานในภาคอุตสาหกรรม
· ฝุ่นละอองจากธรรมชาติ
· สาเหตุอื่นๆ
นอกจากนี้การอ้างอิงจากข้อมูลจากกรมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมกรุงปักกิ่ง ระบุว่า ระดับความเข้มข้นของฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ณ กรุงปักกิ่ง มีค่าเฉลี่ยสูงถึงกว่า 350 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (µg/m3) ต่อปี ซึ่งถือว่าเป็นเกณฑ์ที่สูงกว่าระดับความปลอดภัยที่ถูกกำหนดไว้โดยองค์การอนามัยโลก
ดังนั้นโครงการต่าง ๆ เพื่อหาทางลดฝุ่นละอองลง จึงริเริ่มขึ้น โดยมุ่งไปที่การแก้ปัญหาทั้งแบบระยะสั้นและระยะยาว
จีนได้ริเริ่มโครงการปลูกป่า ซึ่งเรียกว่าการสร้าง “กำแพงเมืองจีนสีเขียว” เพื่อแก้ไขปัญหาในระยะยาว ซึ่งทางสหประชาชาติเรียกว่า สงครามปลูกป่าครั้งใหญ่ที่สุดในโลก
สำหรับป่าที่ถูกสร้างในจีนนั้นครอบคลุมพื้นที่กว่า 70,000 ตร.กม. มีอาณาเขตกว้างใหญ่กว่าประเทศฝรั่งเศส และในยังวางแผนจะปลูกเพิ่มอีกทางเหนือของกรุงปักกิ่งประมาณ 84,000 ตร.กม.
มีการวิจัยพบว่า การปลูกป่าอาจช่วยขจัดสารก่อมลพิษทางอากาศ ไม่ว่าจะเป็นสารไนตริกออกไซด์ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ รวมไปถึง PM2.5 เพราะใบไม้มีคุณสมบัติเป็นเหมือนฟิลเตอร์ที่สามารถช่วยกรองอากาศได้
อย่างไรก็ตาม การปลูกต้นไม้ครั้งใหญ่อาจกลายเป็นส่วนที่บังลมไว้ ทำให้ฝุ่นควันไม่กระจายออกไป ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาก่อนที่จะทำให้สภาพในปักกิ่งมีฝุ่นที่ลดลงมาจากเดิม เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ตาม การปลูกป่าก็เป็นเรื่องที่จำเป็นต้องทำในท้ายที่สุด
ลดบทบาทของเมืองหลวงปักกิ่ง และกระจายธุรกิจ
อีกหนทางในการแก้ไขปัญหามลพิษดังกล่าว คือการกระจายสาขาธุรกิจที่เห็นว่าจำเป็นต้องพึ่งพาบทบาทของเมืองหลวงปักกิ่ง (Non-capital functions)
ตัวอย่างเช่น ตลาดขายส่งเสื้อผ้า ผักและผลไม้ โรงงานถ่านหิน จัดการถ่านหินด้อยคุณภาพในเขตชนบท ไปจนถึงมีคำสั่งโอนย้ายและสั่งปิดบริษัทและโรงงานที่ก่อให้เกิดมลพิษและไม่ผ่านเกณฑ์ รวมแล้วกว่า 1,000 แห่ง ตามเป้าหมายในเฟสแรก
บังคับใช้กฎหมาย
ทางกรุงปักกิ่งได้มีการเริ่มใช้กฎหมาย ว่าด้วยภาษีการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2018
โดยกฎหมายดังกล่าว ได้มีการประกาศใช้ให้กับมณฑลต่าง ๆ ของจีน สำหรับประกาศให้เป็นมาตรฐานในการเก็บภาษีดังกล่าว
สำหรับกรุงปักกิ่งและมณฑลข้างเคียง ก็มีการกำหนดอัตราภาษีในระดับที่สูง โดยปักกิ่งกำหนดให้เก็บภาษีการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในอัตรา 12 หยวนต่อหน่วย ของการปล่อยมลพิษทางอากาศ และอัตรา 14 หยวนต่อหน่วย สำหรับมลพิษทางน้ำ
หลังจากดำเนินมาตรการทั้งหมด กรมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมกรุงปักกิ่งก็ได้ตรวจสอบแล้วระบุว่า ในปี 2017 ที่ผ่านมา ระดับความเข้มข้นของฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ซึ่งของกรุงปักกิ่งอยู่ที่ค่าเฉลี่ย 58 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (µg/m3) ต่อปี
เท่ากับว่าทางปักกิ่งได้บรรลุเป้าหมายในการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศตามมาตรฐานที่รัฐบาลกำหนด แต่นี่ก็เป็นเพียงแค่เฟสแรกของโครงการคืนสภาพอากาศและท้องฟ้าปลอดโปร่งที่บริสุทธิ์ให้กับเมืองจีนเท่านั้น
ทั้งนี้ จีนมีเป้าหมายในเฟสต่อไปคือต้องการลดความเข้มข้นของ PM2.5 ให้ต่ำลงกว่าเฉลี่ย 56µg/m3 ต่อปี