ซานเซี่ยว (Sanxiao) แบรนด์แปรงสีฟัน อันดับหนึ่งของจีน กับแนวคิด เริ่มต้นอย่างพอเพียง ไม่ฝืนตัวเอง ลงทุนในส่วนที่จำเป็น แล้วค่อยขยายการลงทุนและกิจการ
ถ้าพูดถึงแบรนด์ในจีน ที่มีชื่อเสียง สำหรับกลุ่มอุปโภคและบริโภค ถือว่า "ซานเซี่ยว" เป็นหนึ่งในนั้น ในฐานะของแบรนด์แปรงสีฟันอันดับหนึ่งในประเทศจีน
แล้วด้วยความที่จีนมีประชากรมากที่สุดในโลก เท่ากับว่า นี่คือสินค้ากลุ่ม "ใช้แล้วหมดไป" ที่ต้องซื้อซ้ำ แถมยังมุ่งเน้นขายให้คนจีนในท้องถิ่นเป็นหลัก จากการเริ่มสร้างแบรนด์ที่ชูเอา "ความรู้ของคนจีนโบราณ" มาผสมผสานกับของใช้ประจำวัน
วันนี้เรามาย้อนรอย เส้นทางของแบรนด์นี้กันเล็กน้อย ซึ่งอาจจะมีประโยชน์สำหรับหลายธุรกิจที่กำลังประสบปัญหาหลังจากการระบาดของโควิด-19 ว่าบางครั้งการย้อนกลับไปจับอะไรที่มัน "ง่ายๆ" ตัดสินใจเลือกซื้อไม่ยาก ก็อาจจะเป็นทางรอดหนึ่งได้เหมือนกัน
แม้ว่า ปัจจุบัน ซานเซี่ยว จะได้ชื่อว่าเป็น แบรนด์แปรงสีฟันอันดับหนึ่งของจีน แต่เส้นทางของพวกเขาก็ไม่ได้ง่ายเลย
จุดเริ่มต้นของพวกเขา มาจาก "ห้าพี่น้องแห่งสกุลหาน" พื้นเพของพวกเขาพี่น้องเป็นชาวหมู่บ้านหังจี๋ เมืองหยางโจว มณฑลเจียงซู
ส่วนสาเหตุว่า ทำไมเป็นแปรงสีฟัน คำตอบก็เรียบง่ายมากครับ เนื่องจากแต่เดิมแล้ว ผู้คนในหมู่บ้านนี้เป็นกลุ่มแรกๆในประเทศจีนที่เริ่มสร้างธุรกิจขายแปรงสีฟันอย่างจริงจังจนเป็นอาชีพหลัก โดยมีข้อมูลว่า พวกเขาเริ่มกิจการมาตั้งแต่ในสมัยราชวงศ์ชิง
แน่นอนว่า แปรงสีฟันในสมัยโบราณ ย่อมมีรูปร่างแตกต่างจากในปัจจุบัน โดยสมัยราชวงศ์ชิง จะนิยมการใช้กระดูกหมูเอามาเหลาให้เป็นด้าม แล้วจากนั้นก็ใช้ขนหมูมาติดเป็นขนแปรง เท่านี้ก็ได้แปรงสีฟันแบบโบราณแล้ว
แนวทางการค้าขายของพวกเขาก็เริ่มต้นจากธุรกิจอย่างง่ายๆ แต่ปรากฏว่ามันได้กลายเป็นกิจการที่เลี้ยงดูครอบครัวและชาวบ้านในหมู่บ้านนั้นได้ดีซะด้วย
ธุรกิจแปรงสีฟันของหมู่บ้านหังจี๋ ดำเนินมาจนถึงช่วงรัฐบาลคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งเวลานั้นกิจการท้องถิ่นหลายแห่งถูกผนวกรวมเข้าเป็นของรัฐ และมีการสั่งผลิตสินค้าประเภทอุตสาหกรรมในหลายท้องที่
กระทั่งถึงปลายยุค 80 รัฐบาลจีนภายใต้การนำของ เติ้งเสี่ยวผิง มีความคิดใหม่ๆอันเป็นผลมาจากความล้มเหลวในช่วงก้าวกระโดดไกล ทำให้พรรคคอมมิวนิสต์จีนหวนกลับมาศึกษาก้ารค้าและธุรกิจของแต่ละท้องถิ่นที่มีความแตกต่างกัน และให้อิสระกับกิจการท้องถิ่นเหล่านั้นมากขึ้น
ผลคือ หมู่บ้านหังจี๋ได้เป็นหนึ่งในกิจการแปรงสีฟันท้องถิ่นที่มุ่งผลิตสินค้าเพื่อส่งไปขายยังมณฑลอื่นๆด้วย
แต่พวกเขาก็มีข้อจำกัดก็มีอยู่พอสมควร เนื่องจากในเวลานั้น ห้าพี่น้องสกุลหานซึ่งเป็นผู้ริเริ่มกิจการครอบครัวได้มีความเห็นว่าการผลิตของพวกเขามีข้อจำกัด อีกทั้งในประเทศเวลานั้นก็กำลังมีผู้ผลิตจำนวนมาก จึงเป็นการยากที่พวกเขาจะเข้าแข่งขันหรือแย่งส่วนแบ่งในตลาดทั่วจีนในเวลานั้นได้
ดังนั้นแทนที่จะแข่งขันในตลาดเดิมๆ พวกเขาตัดสินใจขยายโอกาส ด้วยการเดินทางไปนิทรรศกาลเกษตรกรรม ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงปักกิ่ง เพื่อมองหาโอกาสใหม่ๆ แล้วพวกเขาก็พบว่าในงานนั้นได้มีการนำเครื่องจักรผลิตแปรงสีฟันจากประเทศเยอรมันเข้ามาแสดง ดังนั้นพวกเขาจึงได้เห็รว่าการผลิตโดยเครื่องจักรนำเข้าจะสามารถทำให้ได้แปรงสีฟันที่มีคุณภาพดีกว่าของท้องถิ่นในเลานั้น
พี่น้องสกุลหานจึงได้ตีโจทย์สำคัญข้อหนึ่ง ซึ่งเป็นปัญหาของสินค้าท้องถิ่นของจีนแทบทุกชนิด นั่นคือเรื่อง คุณภาพ ที่เข้าขั้นย่ำแย่ แม้จะมีราคาถูก แต่ในเมื่อสินค้าแย่ โอกาสที่จะขายในถิ่นอื่นย่อมเป็นไปไม่ได้แน่นอน
สำหรับจุดอ่อนสำคัญสองแปรงสีฟันจีนเกือบทุกเจ้าในเวลานั้น รวมถึงซานเซี่ยวด้วยก็มีอยู่สองเรื่องหลักคือ ขนแปรงหลุดง่าย และ หน้าตัดแปรงสีฟันไม่เรียบอย่างที่ควร
เพื่อแก้ปัญหานี้ พวกเขาจำเป็นต้องนำเข้าเครื่องจักรที่มีราคาสูง แต่พวกเขาก็ไม่ได้มีเงินทุนมากนัก เรียกง่ายๆว่า อาจจะไม่คุ้มทุนเท่าไร ดังนั้นพวกเขาจึงได้วิเคราะห์แล้วเห็นว่า เอาเข้ามาในส่วนที่จำเป็นต้องใช้ก็พอ เนื่องจากกระบวนการผลิตส่วนอื่นๆยังสามารถใช้แรงงานคนได้
แต่สำหรับสองขั้นตอนสุดท้ายที่เป็นปัญหา จึงต้องใช้เครื่องจักร ดังนั้นพวกเขาจึงได้นำเข้าเครื่องจักรในส่วนของกระบวนการสองขั้นตอนสุดท้ายมาก่อน
หลังจากนั้น แปรงสีฟันยี่ห้อ ซานเซี่ยว จึงได้เริ่มมีการผลิตที่มากขึ้นหลายสิบเท่า แล้วพวกเขาก็เริ่มกระจายสินค้าออกขายไปทั่วมณฑล ในที่สุดก็เริ่มกระจายขายไปทั่วประเทศได้สำเร็จ
ในปัจจุบัน ซานเซี่ยว ได้พัฒนานวัตกรรมสินค้าของพวกเขาขึ้นมาก แล้วในที่สุดก็ได้เข้าสู่การแข่งขันบนตลาดเว็บไซต์ E-Commerce โดยเฉพาะบทแพลทฟอร์มในเครือของยักษ์ใหญ่อย่าง Alibaba ดังนั้นสินค้าของพวกเขาจึงยังครองตลาดจีนอยู่ได้ทุกวันนี้
น่าสนใจในแนวคิดของซานเซี่ยว ที่แม้ว่าจะให้ความสำคัญกับคุณภาพสินค้า แต่ก็ไม่ลงทุนเกินตัวมากไปในช่วงแรก เอาที่จำเป็นพอเพียงก่อน จากนั้นเมื่อเริ่มตั้งหลักได้แล้ว จึงค่อยขยายการลงทุนในส่วนอื่นต่อไป แนวคิดนี้อาจจะนำมาใช้กับกิจการที่เพิ่งเริ่มต้นหลายภาคส่วนในปัจจุบันได้เช่นกัน
=======================================
#คิดถึงการตลาดจีน คิดถึง Level Up Thailand#
ต้องการตรวจความพร้อมก่อนบุกตลาดจีน สามารถอ่านบทความ “ตรวจความพร้อมก่อนไปตลาดจีน” ได้ที่
https://www.levelupthailand.com/single-post/chinamarketing-checklist-full
หรือ อยากทราบภาพรวมของการตลาดออนไลน์จีนสามารถอ่านบทความ
“บุกตลาดจีนด้วยการตลาดออนไลน์จีน” ได้ที่
https://www.levelupthailand.com/single-post/การตลาดออนไลน์จีน
ต้องการคำปรึกษาหรือดูบริการแพ็คเกจบริการการตลาดจีนเริ่มต้นได้ที่
ทั้งนี้ถ้าต้องการให้เราเขียนเพิ่มเติมด้านไหนสามารถ Comment มาได้เลยนะครับ